ASTVผู้จัดการรายวัน – “พฤกษา” เชื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์บ้านบีโอไอ ดันตลาดอสังหาฯปี 52 โตเป็นบวก หลังครึ่งปีแรกติดลบ 10% เร่งปรับแผนลงทุนใหม่เพิ่มพอร์ตบ้านบีโอไอจาก 8,000 ล้านบาทเป็น 11,000 ล้านบาท ระบุได้รับประโยชน์ทางภาษี 6% หันออกแบบบ้านใหม่เพิ่มความทันสมัย เตรียมส่งออกสู่ตลาดตลอดทั้งปี ล่าสุดเปิดตัว New Passorn in New Style ย่านวัชพล-วงแหวน
หลังจากที่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) มีมติปรับปรุงเงื่อนไขและราคาจำหน่ายในกิจการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยหรือปานกลาง หรือบ้านบีโอไอ ในพื้นที่ตั้งโครงการในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล (เขต 1) โดยกำหนดเงื่อนไขของผู้ประกอบการที่จะต้องก่อสร้างที่อยู่อาศัยไม่น้อยกว่า 50 ยูนิต สำหรับทุกเขต โดยโครงการที่ตั้งในเขต 1 กรณีการก่อสร้างอาคารชุด จะต้องมีพื้นที่ใช้สอยต่อยูนิตไม่น้อยกว่า 28 ตร.ม. และจำหน่ายในราคายูนิตละไม่เกิน 1 ล้านบาท (รวมค่าที่ดิน) กรณีการก่อสร้างบ้านแถวหรือบ้านเดี่ยวจะต้องมีพื้นที่ใช้สอยต่อยูนิตไม่น้อยกว่า 70 ตร.ม. และจำหน่ายในราคายูนิตละไม่เกิน 1.2 ล้านบาท (รวมค่าที่ดิน)
การขยายเกณฑ์ดังกล่าว เป็นข่าวดีสำหรับผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง และผู้ประกอบการที่พัฒนาบ้านบีโอไอ โดยเฉพาะเจ้าพ่อตลาดบ้านบีโอไออย่างบริษัท พฤกษา จำกัด (มหาชน) หลังจากที่ผลักดันเรื่องนี้มานานนับ 10 ปี
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS กล่าวว่า การที่บีโอไอยอมปรับปรุงเงื่อนไขบ้านบีโอไอ จะทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยปี2552 ขยายตัวเป็นบวก หลังจากต้นปีเป็นต้นมาตลาดรวมโตติดลบ 10% เนื่องจากมองว่ากลุ่มลูกค้าบ้านระดับราคาไม่เกิน 1.2 ล้านบาท เป็นฐานกลุ่มใหญ่ที่สุดของตลาด เมื่อมีการส่งเสริมการลงทุน จะทำให้ผู้ประกอบการหันมาพัฒนาบ้านบีโอไอมากขึ้น ลูกค้าหาซื้อบ้านได้ง่ายขึ้น
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ทันกับมาตรการที่รัฐบาลออกมาให้การสนับสนุนดังกล่าว บริษัทจึงได้ปรับแผนการลงทุนใหม่เพิ่มพอร์ตบ้านบีโอไออีก 10 โครงการ มูลค่า 3,000 ล้านบาท จากเดิมที่ในปี 52 ตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่ 24 โครงการ มูลค่า 12,000 ล้านบาท โดยมีพอร์ตบ้านบีโอไอราคาไม่เกิน 1.2 ล้านบาท จำนวน 8,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้พฤกษามีพอร์ตบ้านบีโอไอในปี 52 จำนวน 11,000 ล้านบาท โดยจะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 30%
“ เรามีความพร้อมและศักยภาพในการปรับตัวให้ทันกับตลาด จากเดิมที่เราจะเลิกผลิตบ้านบีโอไอ เนื่องจากต้นทุนขึ้นไปสูงมาก จนไม่สามารถสร้างได้ตามเงื่อนไขบีโอไอ และเมื่อบีโอไอผ่อนเกณฑ์แล้วก็เชื่อว่าปีนี้บ้านบีโอไอจะสร้างความคึกคักให้แก่ตลาดอสังหาฯได้มากพอสมควร และคาดว่าจะมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 20-30% จากยอดจดทะเบียนที่อยู่อาศัยในปีนี้” นายประเสริฐกล่าว
นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวแบบบ้านใหม่ “ New Passorn in New Style ” บ้านเดี่ยวสไตล์ Neo-classic เป็นการเปลี่ยนรูปแบบบ้านใหม่ให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น ฉีกรูปแบบเดิมๆของบ้านภัสสร และในปีนี้จะทยอยออกแบบบ้านใหม่อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี
สำหรับโครงการแรกคือ ภัสสร วัชรพล-วงแหวน บนเนื้อที่ 181 ไร่ จำนวน 800 ยูนิต เนื้อที่ 50 ตร.ว. ขึ้นไป ราคาเริ่มต้น 2.7-3.5 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 2,200 ล้านบาท แบ่งการพัฒนาออกเป็น 2 เฟส เฟสแรกจำนวน 424 ยูนิต เปิดตัวเมื่อวันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งได้กระแสตอบรับเป็นอย่างดีมียอดขายแล้ว 60 ยูนิต
“ยอดขายดังกล่าวถือว่าเป็นกระแสตอบรับที่ดีมาก ทำให้บริษัทมีความเชื่อมั่นที่จะเพิ่มพอร์ตบ้านเดี่ยวให้มากยิ่งขึ้นหลังจากที่ในปี 2551 ปรับลดลงไป และในเดือนสิงหาคมนี้จะเปิดตัวโครงการเดอะ แพลนท์ ในย่านดังกล่าวโดยห่างจากห้างสรรพสินค้าแฟชั่น ไอแลนด์เล็กน้อย”
หลังจากที่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) มีมติปรับปรุงเงื่อนไขและราคาจำหน่ายในกิจการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยหรือปานกลาง หรือบ้านบีโอไอ ในพื้นที่ตั้งโครงการในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล (เขต 1) โดยกำหนดเงื่อนไขของผู้ประกอบการที่จะต้องก่อสร้างที่อยู่อาศัยไม่น้อยกว่า 50 ยูนิต สำหรับทุกเขต โดยโครงการที่ตั้งในเขต 1 กรณีการก่อสร้างอาคารชุด จะต้องมีพื้นที่ใช้สอยต่อยูนิตไม่น้อยกว่า 28 ตร.ม. และจำหน่ายในราคายูนิตละไม่เกิน 1 ล้านบาท (รวมค่าที่ดิน) กรณีการก่อสร้างบ้านแถวหรือบ้านเดี่ยวจะต้องมีพื้นที่ใช้สอยต่อยูนิตไม่น้อยกว่า 70 ตร.ม. และจำหน่ายในราคายูนิตละไม่เกิน 1.2 ล้านบาท (รวมค่าที่ดิน)
การขยายเกณฑ์ดังกล่าว เป็นข่าวดีสำหรับผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง และผู้ประกอบการที่พัฒนาบ้านบีโอไอ โดยเฉพาะเจ้าพ่อตลาดบ้านบีโอไออย่างบริษัท พฤกษา จำกัด (มหาชน) หลังจากที่ผลักดันเรื่องนี้มานานนับ 10 ปี
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS กล่าวว่า การที่บีโอไอยอมปรับปรุงเงื่อนไขบ้านบีโอไอ จะทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยปี2552 ขยายตัวเป็นบวก หลังจากต้นปีเป็นต้นมาตลาดรวมโตติดลบ 10% เนื่องจากมองว่ากลุ่มลูกค้าบ้านระดับราคาไม่เกิน 1.2 ล้านบาท เป็นฐานกลุ่มใหญ่ที่สุดของตลาด เมื่อมีการส่งเสริมการลงทุน จะทำให้ผู้ประกอบการหันมาพัฒนาบ้านบีโอไอมากขึ้น ลูกค้าหาซื้อบ้านได้ง่ายขึ้น
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ทันกับมาตรการที่รัฐบาลออกมาให้การสนับสนุนดังกล่าว บริษัทจึงได้ปรับแผนการลงทุนใหม่เพิ่มพอร์ตบ้านบีโอไออีก 10 โครงการ มูลค่า 3,000 ล้านบาท จากเดิมที่ในปี 52 ตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่ 24 โครงการ มูลค่า 12,000 ล้านบาท โดยมีพอร์ตบ้านบีโอไอราคาไม่เกิน 1.2 ล้านบาท จำนวน 8,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้พฤกษามีพอร์ตบ้านบีโอไอในปี 52 จำนวน 11,000 ล้านบาท โดยจะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 30%
“ เรามีความพร้อมและศักยภาพในการปรับตัวให้ทันกับตลาด จากเดิมที่เราจะเลิกผลิตบ้านบีโอไอ เนื่องจากต้นทุนขึ้นไปสูงมาก จนไม่สามารถสร้างได้ตามเงื่อนไขบีโอไอ และเมื่อบีโอไอผ่อนเกณฑ์แล้วก็เชื่อว่าปีนี้บ้านบีโอไอจะสร้างความคึกคักให้แก่ตลาดอสังหาฯได้มากพอสมควร และคาดว่าจะมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 20-30% จากยอดจดทะเบียนที่อยู่อาศัยในปีนี้” นายประเสริฐกล่าว
นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวแบบบ้านใหม่ “ New Passorn in New Style ” บ้านเดี่ยวสไตล์ Neo-classic เป็นการเปลี่ยนรูปแบบบ้านใหม่ให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น ฉีกรูปแบบเดิมๆของบ้านภัสสร และในปีนี้จะทยอยออกแบบบ้านใหม่อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี
สำหรับโครงการแรกคือ ภัสสร วัชรพล-วงแหวน บนเนื้อที่ 181 ไร่ จำนวน 800 ยูนิต เนื้อที่ 50 ตร.ว. ขึ้นไป ราคาเริ่มต้น 2.7-3.5 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 2,200 ล้านบาท แบ่งการพัฒนาออกเป็น 2 เฟส เฟสแรกจำนวน 424 ยูนิต เปิดตัวเมื่อวันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งได้กระแสตอบรับเป็นอย่างดีมียอดขายแล้ว 60 ยูนิต
“ยอดขายดังกล่าวถือว่าเป็นกระแสตอบรับที่ดีมาก ทำให้บริษัทมีความเชื่อมั่นที่จะเพิ่มพอร์ตบ้านเดี่ยวให้มากยิ่งขึ้นหลังจากที่ในปี 2551 ปรับลดลงไป และในเดือนสิงหาคมนี้จะเปิดตัวโครงการเดอะ แพลนท์ ในย่านดังกล่าวโดยห่างจากห้างสรรพสินค้าแฟชั่น ไอแลนด์เล็กน้อย”