xs
xsm
sm
md
lg

บจ.อ้อนคลังเว้นภาษีปันผล กันหนีลงทุนเกาะปลอด TAX

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สมาคมบริษัทจดทะเบียนรุดยื่นกระทรวงการคลัง ขอสิทธิประโยชน์ทางภาษี 4 เรื่อง ชงประเด็นสำคัญขอเว้นภาษีเงินปันผล ให้บริษัทไทยที่ลงทุนในต่างแดน (โฮลดิ้ง) จากเดิมที่กำหนดให้ต้องถือหุ้นทั้ง 100% เหลือแค่ 25% หวังลดภาระเสียภาษีซ้ำซ้อนเมื่อนำเงินกลับ ด้านสรรพากรขอศึกษาเพิ่มเติม หวั่น บจ.แห่ไปจัดตั้งบริษัทนอกประเทศมากขึ้น ขณะที่อีก 3 เรื่อง รอเสนอ ครม. ด้าน ตลท.ตีกลับข้อเสนอค่าคอมมิชชันของสมาคมโบรก ก่อนนำเข้าบอร์ดชี้ขาดภายใน ต.ค.นี้ ส่วน “กัมปนาท” ย้ำอัตราขั้นบันไดเดิมฉุดรายได้โบรกเกอร์หด 20%

นางสาวเพ็ญศรี สุธีรศานต์ ผู้อำนวยการสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) เปิดเผยว่า สมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย ได้ยื่นขอสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้กับบริษัทจดทะเบียนต่อกระทรวงการคลัง ประกอบด้วย การขอยกเว้นภาษีเงินได้จากการรับเงินปันผลของบริษัทไทยที่ไปลงทุนในบริษัทต่างประเทศ (โฮลดิ้ง) แต่จะต้องถือหุ้นในบริษัทต่างประเทศในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 25% ของหุ้นทั้งหมดที่มีสิทธิออกเสียง และเงินปันผลต้องมาจากกำไรสุทธิที่เสียภาษีในประเทศของบริษัทผู้จ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 15% จากเดิมบริษัทที่จะได้รับยกเว้นภาษีรับเงินปันผลจะต้องถือหุ้นในบริษัทต่างประเทศ 100%

ทั้งนี้ การยื่นขอยกเว้นการเก็บภาษีเงินปันผลรับของบริษัทดังกล่าวเพื่อเป็นการลดภาระให้กับบริษัทไทย เพราะที่ผ่านมาบริษัทไทยที่ไปลงทุนบริษัทในต่างประเทศ และเมื่อจะนำเงินกลับเข้ามาประเทศไทยนั้นจะต้องเสียภาษีซ้ำซ้อนทั้งภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ถูกจัดเก็บจากกำไรสุทธิของบริษัทที่ตั้งอยู่ (Corporate Income tax) และภาษีในส่วนของภาษี หัก ณ ที่จ่าย (Withholding tax) รวมถึงภาษีในส่วนที่ต้องนำเงินปันผลที่ได้ มารวมกับกำไรสุทธิจากการประกอบกิจการอื่นๆ ของบริษัทในประเทศไทย และเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล (Corporate Income Tax)

สำหรับเรื่องดังกล่าวนั้นทางกรมสรรพากรอยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม เพราะกรมสรรพากรกังวลว่าหากให้สิทธิประโยชน์ดังกล่าวจะมีบริษัทไทยไปจัดตั้งในต่างประเทศจำนวนมาก ขณะที่เหตุผลที่สมาคมฯ ต้องขอสิทธิประโยชน์ เพราะกังวลว่าจะมีบริษัทไทยบางแห่งที่แบกภาระการจ่ายภาษีไม่ไหวจะหันไปลงทุนในเกาะที่ไม่มีการเก็บภาษี (Tax Haven) แทน

“เดิมนั้นบริษัทไทยที่ลงทุนในบริษัทต่างประเทศ จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินปันผลรับจากบริษัทในต่างประเทศ ต่อเมื่อถือหุ้นในบริษัทต่างประเทศ 100% แต่เราขอให้เหลือสัดส่วนการถือหุ้น 25% แล้วได้รับยกเว้นการเก็บภาษีเงินปันผลรับที่ได้จากบริษัทต่างประเทศที่จะนำกลับมาประเทศไทยนั้นถูกเก็บภาษีซ้ำซ้อน” นางสาวเพ็ญศรีกล่าว

นอกจากนี้ สมาคม บจ.ยังเสนอให้ลดหย่อนภาษีให้แก่บริษัทไทยที่ไปจัดทำการตลาด หรือ นิทรรศการ (Exhibitiom) ในต่างประเทศเพื่อเป็นการเปิดตลาดใหม่ สามารถนำค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ไปคำนวณรวมกับค่าใช้จ่ายของบริษัทเพื่อขอลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่าของค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในต่างประเทศจากการจัดงานและการเดินทาง เพื่อเป็นการสนับสนุนให้บริษัทไปขายหรือจำหน่ายสินค้าในต่างประเทศมากขึ้น

ขณะเดียวกัน ได้เสนอให้ลดหย่อนภาษีกรณีที่โรงแรมจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการการปรับปรุงโรงแรมจำนวน ทางสมาคมจึงได้มีการขอให้สามารถนำค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการปรับปรุงโรงแรมไปขอลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่าเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ยังมีการขอให้ยกเว้นการเก็บภาษีของธุรกิจสปาจากปัจจุบันที่มีการเก็บที่ 10% ของรายได้รวม ซึ่งเป็นอัตราเดียวกับธุรกิจอาบอบนวด แต่จากการที่ธุรกิจสปาเป็นธุรกิจที่ดูแลสุขภาพ ซึ่งการประกอบธุรกิจไม่เหมือนกับธุรกิจอาบอบนวด จึงไม่ควรที่จะเก็บภาษีเหมือนกัน

ทั้งนี้ สิทธิประโยชน์ในด้านการจัดงานนิทรรศการในต่างประเทศ การปรับปรุงโรงแรม และธุรกิจสปานั้น ทางสรรพากรเห็นชอบแล้ว ซึ่งรอนำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้มีการเห็นชอบ แต่ยังไม่ทราบกำหนดระยะเวลาที่แน่ชัด

“เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา สมาคม บจ.ได้เข้าพบ รมว.คลัง เพื่อขอสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้กับบริษัท จำนวน 4 เรื่อง คือ ภาษีเงินปันผลรับของบริษัทโฮลดิ้ง ภาษีสปา การปรับปรุงโรงแรม และการไปเปิดตลาดใหม่ในต่างประเทศ ซึ่งภาษีเงินปันผลรับของโฮลดิ้งนั้นกรมสรรพากรได้มีการขอไปศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม ส่วนอีก 3 เรื่องกรมสรรพากรรับในหลักการแล้ว รอเพียงนำเสนอเข้าครม. โดยการขอยกเว้นภาษีทั้งหมดจะมีผล 2 ปี สำหรับการชำระภาษีในงวดมีนาคม 2553 และ 2554”

โบรกเกอร์โวยรายได้หด 20%

ด้าน นายกัมปนาท โลหเจริญวนิช นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) เปิดเผยว่า จากการที่สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ได้เข้าหารือกับตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อยื่นข้อเสนอในเรื่องจัดเก็บค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์ (ค่าคอมมิชชัน) การจ่ายผลตอบแทนตามมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ (Incentive) ให้กับเจ้าหน้าที่การตลาด (มาร์เกตติ้ง) ส่วนนักลงทุนที่มีการส่งคำสั่งซื้อขายผ่านเจ้าหน้าที่การตลาด และการจ่ายอินเซนทีฟให้กับเจ้าหน้าที่การตลาดในส่วนที่นักลงทุนมีการส่งคำสั่งซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ต

ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวยังไม่ได้ข้อสรุป เพราะต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งทางตลาดหลักทรัพย์ฯ จะต้องนำเรื่องดังกล่าวไปหารือกับทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และหลังจากนั้นตลาดหลักทรัพย์ฯ จะมีการนำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ตลาดหลักทรัพย์ฯ ดังนั้นจึงยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้

สำหรับหากมีการใช้อัตราการเก็บค่าคอมมิชชันแบบขั้นบันไดเดิม นั้น จะทำให้รายได้ของโบรกเกอร์ปรับตัวลดลง 20% จากการเก็บค่าคอมมิชชันที่ลดลง เพราะรายได้ของโบรกเกอร์นั้นมาจากค่าคอมมิชชั่น 75% แต่หากมูลค่าการซื้อขายปีหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีนี้ 20% จะสามารถเข้ามาชดเชยกับค่าคอมมิชชันที่ลดลง ทำให้รายได้ของโบรกเกอร์ไม่ปรับตัวลดลง

“ในปี 53 โบรกเกอร์จะต้องปรับตัวและหารายได้อื่นเข้ามามากขึ้น เช่น รายได้จากพอร์ตการลงทุน และจะต้องมีการประชาสัมพันธ์การลงทุนในอนุพันธมากขึ้น เพื่อเพิ่มรายได้ทางด้านอนุพันธ์ การขยายฐานนักลงทุนมากขึ้น และหาธุรกรรมใหม่ๆ รวมถึงเจ้าหน้าที่การตลาด จะต้องมีการปรับตัวในเรื่องการให้บริการที่มีคุณภาพที่ดีให้กับนักลงทุนเพื่อให้นักลงทุนยังคงมีการซื้อขายกับเจ้าหน้าที่การตลาดต่อไป”

ด้าน นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังไม่มีข้อสรุปเกี่ยวกับข้อเสนอของสมาคมโบรกเกอร์ และได้ให้นำกลับไปจัดทำข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมและชี้แจงรายละเอียด รวมถึงเหตุผลเพิ่มเติมอีกครั้ง ก่อนที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะนำเสนอเข้าที่ประชุมบอร์ดตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในเดือนตุลาคมนี้ และจะประกาศบังคับใช้ออกมา เพื่อให้โบรกเกอร์มีเวลาเตรียมตัวก่อนที่จะบังคับใช้จริงในปีหน้า
กำลังโหลดความคิดเห็น