“ศูนย์วิจัยกสิกรไทย”ระบุกรณีเฟดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย สะท้องมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจอเมริกามากขึ้น พร้อมคาดอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯทรงตัวยาวยันต้นปี 2553 ส่วนแบงก์ชาติไทยคาดยังให้น้ำหนักในการประครองการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศ โดยมีเสถียรภาพทางการเมืองเป็นตัวแปรในการปรับเปลี่ยนทิศทางอัตราดอกเบี้ย
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า จากการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0-0.25% ตามเดิมนั้น ได้สะท้อนถึงมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ จึงคาดว่าเฟดจะยังไม่มีความจำเป็นต้องเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงที่เหลือของปี 2552 นี้และต่อเนื่องไปจนถึงช่วงต้นปี 2553 เนื่องจากความเป็นไปได้ของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะมีความชัดเจนมากกว่านี้หากเฟดสะท้อนมุมมองต่อตลาดแรงงานสหรัฐฯ ในเชิงบวกมากขึ้นในการประชุมรอบถัดๆ ไป
ขณะเดียวกัน เฟดยังได้เริ่มส่งสัญญาณการทยอยถอยออกจากมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ โดยการชะลอการรับซื้อตราสารหนี้และหลักทรัพย์ที่ได้รับการค้ำประกันจากสัญญาจำนองของหน่วยงานที่รัฐบาลให้การสนับสนุน และขยายกรอบเวลาออกไปจนถึงสิ้นเดือนมี.ค.53 จากเดิมที่จะหมดอายุลงในสิ้นปี 52 หลังจากที่ได้เคยใช้ถ้อยแถลงแบบเดียวกันนี้กับโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ในแถลงการณ์หลังการประชุมรอบก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การที่เฟดส่งสัญญาณการทยอยถอยออกจากมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณในการประชุมรอบนี้แม้เครื่องชี้ตลาดที่อยู่อาศัยหลายๆ ตัวยังไม่ฟื้นคืนอย่างเต็มที่กลับไปสู่ระดับก่อนวิกฤต อาจเป็นเพราะว่าเฟดมีความเชื่อมั่นต่อสัญญาณเสถียรภาพของตลาดอสังหาริมทรัพย์สหรัฐ และตลาดการเงินในหลายๆ ส่วน ที่เริ่มทยอยปรากฏขึ้น และต้องการให้กระบวนการถอยออกจากมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณเป็นไปอย่างราบรื่น ตลอดจนเพื่อให้ตลาดมั่นใจว่ามาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณของเฟดจะไม่เป็นตัวการก่อให้เกิดแรงกดดันเงินเฟ้อขึ้นในระยะถัดไป
อย่างไรก็ตาม แม้แนวทางการทยอยออกจากมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณดังกล่าวจะถูกวางเอาไว้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน แต่ยังต้องจับตาดูว่า แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ จะเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปในทำนองเดียวกันหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากมาตรการด้านสภาพคล่องที่เคยสนับสนุนตลาดสินเชื่อทยอยผ่อนแรงลงในช่วงต่อไป
สำหรับ ความเชื่อมั่นและมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของเฟดจะถูกยืนยันโดยทิศทางของตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ในระยะถัดไป ซึ่งหากเครื่องชี้เศรษฐกิจยังคงมีทิศทางที่ปะปน อาจส่งผลต่อเนื่องให้ตลาดหุ้นทั่วโลกและสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงอื่นๆ ต้องเผชิญแรงเทขาย ขณะที่ เงินดอลลาร์ อาจได้รับแรงหนุนในฐานะที่เป็นสกุลเงินที่ปลอดภัยอีกครั้ง
โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่าทิศทางของอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยนั้น คาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)น่าจะยังคงให้น้ำหนักกับโจทย์ในการประคับประคองการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งมีเสถียรภาพทางการเมืองเป็นตัวแปรสำคัญที่จะมีผลต่อจังหวะเวลาในการปรับเปลี่ยนทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อไป
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า จากการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0-0.25% ตามเดิมนั้น ได้สะท้อนถึงมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ จึงคาดว่าเฟดจะยังไม่มีความจำเป็นต้องเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงที่เหลือของปี 2552 นี้และต่อเนื่องไปจนถึงช่วงต้นปี 2553 เนื่องจากความเป็นไปได้ของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะมีความชัดเจนมากกว่านี้หากเฟดสะท้อนมุมมองต่อตลาดแรงงานสหรัฐฯ ในเชิงบวกมากขึ้นในการประชุมรอบถัดๆ ไป
ขณะเดียวกัน เฟดยังได้เริ่มส่งสัญญาณการทยอยถอยออกจากมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ โดยการชะลอการรับซื้อตราสารหนี้และหลักทรัพย์ที่ได้รับการค้ำประกันจากสัญญาจำนองของหน่วยงานที่รัฐบาลให้การสนับสนุน และขยายกรอบเวลาออกไปจนถึงสิ้นเดือนมี.ค.53 จากเดิมที่จะหมดอายุลงในสิ้นปี 52 หลังจากที่ได้เคยใช้ถ้อยแถลงแบบเดียวกันนี้กับโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ในแถลงการณ์หลังการประชุมรอบก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การที่เฟดส่งสัญญาณการทยอยถอยออกจากมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณในการประชุมรอบนี้แม้เครื่องชี้ตลาดที่อยู่อาศัยหลายๆ ตัวยังไม่ฟื้นคืนอย่างเต็มที่กลับไปสู่ระดับก่อนวิกฤต อาจเป็นเพราะว่าเฟดมีความเชื่อมั่นต่อสัญญาณเสถียรภาพของตลาดอสังหาริมทรัพย์สหรัฐ และตลาดการเงินในหลายๆ ส่วน ที่เริ่มทยอยปรากฏขึ้น และต้องการให้กระบวนการถอยออกจากมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณเป็นไปอย่างราบรื่น ตลอดจนเพื่อให้ตลาดมั่นใจว่ามาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณของเฟดจะไม่เป็นตัวการก่อให้เกิดแรงกดดันเงินเฟ้อขึ้นในระยะถัดไป
อย่างไรก็ตาม แม้แนวทางการทยอยออกจากมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณดังกล่าวจะถูกวางเอาไว้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน แต่ยังต้องจับตาดูว่า แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ จะเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปในทำนองเดียวกันหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากมาตรการด้านสภาพคล่องที่เคยสนับสนุนตลาดสินเชื่อทยอยผ่อนแรงลงในช่วงต่อไป
สำหรับ ความเชื่อมั่นและมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของเฟดจะถูกยืนยันโดยทิศทางของตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ในระยะถัดไป ซึ่งหากเครื่องชี้เศรษฐกิจยังคงมีทิศทางที่ปะปน อาจส่งผลต่อเนื่องให้ตลาดหุ้นทั่วโลกและสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงอื่นๆ ต้องเผชิญแรงเทขาย ขณะที่ เงินดอลลาร์ อาจได้รับแรงหนุนในฐานะที่เป็นสกุลเงินที่ปลอดภัยอีกครั้ง
โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่าทิศทางของอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยนั้น คาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)น่าจะยังคงให้น้ำหนักกับโจทย์ในการประคับประคองการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งมีเสถียรภาพทางการเมืองเป็นตัวแปรสำคัญที่จะมีผลต่อจังหวะเวลาในการปรับเปลี่ยนทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อไป
