xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” ชี้ทางรอด ศก.ไทย หันสู่ภาคเกษตร ยันแผนปั๊ม ศก.โตได้ 2%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“มาร์ค” ชี้ ทิศทาง ศก.ไทย ต้องหันไปหาจุดแข็งที่ภาคเกษตรและบริการ เพื่อลดการพึ่งพาภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นต้นตอวิกฤตในขณะนี้ เตรียมใช้เป็นแผนพัฒนา ศก.สังคมฉบับใหม่ พร้อมยืนยัน แผนกระตุ้น ศก.ทั้ง 2 ชุดของรัฐบาล หนุนจีดีพี Q2/52 ดีดบวกได้ 2% พร้อมลดความเสี่ยงค่าเงินบาท โดยให้ รสก.หาแหล่งเงินกู้ในประเทศ เพื่อใช้กระตุ้น ศก.

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ขึ้นกล่าวปาฐกถาในหัวข้อ “วิกฤติเศรษฐกิจ ทางเลือก ทางรอด อนาคตประเทศไทย” ณ ห้องเจ้าพระยา หอประชุมกองทัพเรือ ถนนอรุณอัมรินทร์ โดยระบุว่า รัฐบาลได้ออกมาตรการต่างๆ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อเพิ่มศักยภาพความเข้มแข็งของประเทศ แต่ทางเลือกทางรอดของประเทศจะผ่านพ้นไปได้จะต้องมีการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้สมดุล

ทั้งนี้ รัฐบาลมีแนวทางจะไม่เน้นพึ่งภาคอุตสาหกรรมเพียงอย่างเดียว โดยแผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับต่อไป ไทยจะมุ่งเน้นภาคการเกษตรและภาคบริการ ให้มากยิ่งขึ้น เพราะเป็นจุดแข็งของประเทศไทย

นายกรัฐมนตรี กล่าวยอมรับว่า วิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังเผชิญกันในขณะนี้ ถือว่าอยู่ในขั้นรุนแรงที่สุดในรอบ 80 ปี และไทยเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมโลกที่ต้องรับผลกระทบอย่างเลี่ยงไม่ได้ หากเทียบกับวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 นั้นมันแตกต่างกันอย่างชัดเจน เพราะเป็นวิกฤตการเงินที่เกิดจากหนี้เน่าของสถาบันการเงินของไทยและขยายไปทั่วภูมิภาค

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถานการณ์ขณะนี้ เปรียบได้ดั่งไฟไหม้บ้าน และควรดูว่าจะเลือกช่วยคนที่ติดในอาคารก่อนดับไฟ และเมื่อสร้างอาคารใหม่ต้องออกแบบให้เสียหายน้อยที่สุด ฉะนั้นจึงเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อป้องกันความเสียหายเบื้องต้น เช่น งบกลางปี มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเชื่อว่าไตรมาสที่ 2 และไตรมาส 3 ของปีนี้ ตัวเลขจะดีขึ้นตามลำดับ และคาดว่าไตรมาสที่ 4 ตัวเลขจะกลับมาเป็นบวกจากโครงการของรัฐบาล

สำหรับเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจชุดที่ 2 นั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ต้องกู้ในประเทศ เพราะทราบว่ามีเงินอยู่ในระบบไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ เห็นจากการจำหน่ายพันธบัตรไทยเข้มแข็งที่หมดไปอย่างรวดเร็ว มั่นใจว่า จะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวเป็นบวกได้ และคาดว่าจีดีพีในปีนี้จะไม่ต่ำกว่า 2%และจะคุมหนี้สาธารณะให้อยู่ในวิสัยที่จัดการได้

“การกระตุ้นเศรษฐกิจ รัฐบาลจะหันมากู้เงินในประเทศแทน ซึ่งกำลังดูอยู่ เพราะตามแผนการกู้เงินปกติทุกปีนั้น หน่วยงานรัฐส่วนมากจะกู้เงินจากต่างประเทศ จึงหันมามองว่าเงินในประเทศที่น่าจะนำมาใช้เป็นเงินกู้ได้ จะช่วยทำให้ค่าเงินบาทไม่แข็งตัว”

อย่างไรก็ตาม นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กำลังดูรายละเอียดเรื่องนี้ และกำลังดูแผนว่า ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจมีแผนกู้เงินอย่างไร เพื่อให้เงินที่ได้มาเข้าไปลงทุนเสริมกับการลงทุนไทยเข้มแข็งของรัฐบาล

ทั้งนี้ หากสามารถดำเนินการได้ทันตามกรอบเวลา โดยเชื่อว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ดำเนินการอยู่ในไตรมาสที่ 4 จะช่วยให้เศรษฐกิจกลับมาเป็นบวก และจะขยายตัวถึงร้อยละ 2 ในต้นปี 2553 หลังจากโครงการไทยเข้มแข็งเริ่มส่งผลดีขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น