xs
xsm
sm
md
lg

แบงก์คาดการณ์ทิศทาง ดบ.ครึ่งปีหลังทรงตัว ไม่หั่นเป้าสินเชื่อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นายแบงก์คาดการณ์ทิศทาง ดบ.ครึ่งปีหลัง ทรงตัวที่ระดับ 1.25% ขณะที่สเปรด ดบ.เงินกู้-เงินฝาก เฉลี่ยอยู่ที่ 4% พร้อมคงเป้าสินเชื่อไว้ที่ 6-9%

นายตัน คอง คูน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแนวโน้มดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปี 2552 โดยคาดว่า ดอกเบี้ยจะทรงตัว โดยอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะอยู่ที่ 1.25% ขณะที่ส่วนต่างดอกเบี้ยเงินฝาก และเงินกู้ของธนาคาร น่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 4% เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังมีแนวโน้มไม่แน่นอน

นอกจากนี้ ธนาคารยังต้องระมัดระวังปัญหาเศรษฐกิจโลกที่จะมีผลต่อการปล่อยสินเชื่อในครึ่งปีหลัง โดยเชื่อว่า จะเป็นไปด้วยความยากลำบาก และคาดว่า การปล่อยสินเชื่อใหม่ อาจจะชะลอตัวลง ตามทิศทางภาวะเศรษฐกิจ

โดยในปีนี้ ธนาคารคงเป้าอัตราการเติบโตของสินเชื่อไว้ในระดับ 6% แม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกสินเชื่อจะยังไม่เติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ก็คาดว่าครึ่งปีหลังสถานการณ์น่าจะดีขึ้น โดยเฉพาะแนวโน้มการขยายตัวของลูกค้ารายย่อยจากการเข้าซื้อกิจการในกลุ่มจีอีในประเทศไทยเพิ่มเติม รวมถึงพอร์ตสินเชื่ออื่นๆ ซึ่งธนาคารคาดว่าจะทำให้สัดส่วนสินเชื่อรายย่อยเพิ่มขึ้นเป็น 42% จากเดิมอยู่ในระดับ 35%

ขณะที่ในด้านการดูแลปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) นั้น ธนาคารมีเป้าหมายจะรักษาระดับ Gross NPL ณ สิ้นปี 2552 ให้ทรงตัวอยู่ในระดับเดียวกับ ณ สิ้นไตรมาส 2/52 ที่ 6.56% และคาดว่าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) ทั้งปีนี้จะเฉลี่ยอยู่ที่ 4% โดยหวังว่าครึ่งปีหลังอัตราดอกเบี้ยจะยังทรงตัวอยู่ในระดับนี้

นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK กล่าวถึงแนวโน้มสินเชื่อในครึ่งปีหลัง โดยระบุว่า สินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอี เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยความต้องการสินเชื่อเพิ่มมากขึ้นในกลุ่มลูกค้าที่มีความเกี่ยวเนื่องกับการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ สินค้าแปรรูป

สำหรับความต้องการสินเชื่อระยะสั้นในประเทศ มองว่า ยังมีหลายกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล อาทิ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง วัสดุก่อสร้าง รวมทั้งในภาคการเกษตรที่ผู้ค้าเริ่มสตอกสินค้าในกลุ่มข้าวโพดและมันสำปะหลัง

โดยสาเหตุอื่นที่ทำให้แนวโน้มความต้องการสินเชื่อเอสเอ็มอีมีมากขึ้น เนื่องจากมองว่าอัตราดอกเบี้ยในขณะนี้อยู่ในระดับต่ำ ซึ่งจะทำให้ธุรกิจของผู้ประกอบการสามารถดำเนินต่อไปได้ รวมทั้งมาตรการกระตุ้นของรัฐบาลจะส่งผลเชิงบวกได้ชัดเจนในไตรมาสที่ 4 ปี 2552 ในธุรกิจที่ได้ประโยชน์โดยตรงจากการกระตุ้นการลงทุนก็คือ ธุรกิจเอสเอ็มอีที่ดำเนินการต่อเนื่องภายในประเทศ

ทั้งนี้ ธนาคารคงเป้าสินเชื่อเอสเอ็มในปีนี้อยู่ที่ 7-9% แต่ยังมีความเป็นกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของธุรกิจส่งออกถึงการออเดอร์สินค้าว่าจะฟื้นตัวได้จริงแค่ไหน นอกจากนี้ ยังเป็นปัญหาทางด้านเสถียรภาพการเมือง ซึ่งอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคและการลงทุนภายในประเทศได้

สำหรับฐานสินเชื่อเอสเอ็มอีขณะนี้อยู่ที่ 3.5 แสนล้านบาท โดยตั้งเป้าสิ้นปีนี้ขยายฐานอยู่ที่ 3.8 แสนล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรกธนาคารอนุมัติสินเชื่อเอสเอ็มอีไปแล้วประมาณ 6 หมื่นล้านบาท ส่วนประเด็นการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 มองว่า เป็นปัจจัยที่กระทบต่อเนื่องในธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรม
กำลังโหลดความคิดเห็น