คณะกรรมการกำกับตลาดทุน ไฟเขียว บล.เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ประกอบธุรกิจได้ตามปกติ หลัง จดทะเบียนเพิ่มทุนกับกระทรวงพาณิชย์ คาดเพิ่มทุนเสร็จ ก.ค.นี้ ส่งผลให้มีเงินกองทุนเพิ่มเป็น 1 พันล้านบาท
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ครั้งที่ 8/2552 อนุญาตให้บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ จำกัด หรือ TSFC กลับมาประกอบธุรกิจได้ตามปกติ เนื่องจาก TSFC ได้แจ้งต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ว่า ได้ทำการปรับโครงสร้างหนี้ ทั้งดำเนินการลดทุนเพื่อล้างขาดทุนสะสมและจะทำการเพิ่มทุน
ทั้งนี้ผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ได้ลงนามในสัญญาจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนแล้ว ซึ่งการเพิ่มทุนดังกล่าวคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม 2552 และจะทำให้ TSFC มีเงินกองทุนเพิ่มขึ้นถึงประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยคณะกรรมการกำกับตลาดทุนได้พิจารณาถึงความตั้งใจในการแก้ไขปัญหาฐานะการเงินของ TSFC ทั้งในส่วนการปรับโครงสร้างหนี้ การทยอยชำระหนี้ และการเพิ่มทุน
ดังนั้น หาก TSFC เพิ่มทุนสำเร็จตามที่แผนจะทำให้ TSFC จะมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงและภาระผูกพันประมาณ 30% ซึ่งเพียงพอสำหรับรองรับการประกอบธุรกิจปกติและเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ( ตามกฎหมายกำหนดไว้ไม่ต่ำกว่า 8%) คณะกรรมการกำกับตลาดทุนจึงอนุญาตให้ TSFC ประกอบธุรกิจได้ตามปกติเมื่อบริษัทดำเนินการจดทะเบียนเพิ่มทุนกับกระทรวงพาณิชย์ และเมื่อสำนักงาน ก.ล.ต. เข้าตรวจบริษัทและเห็นว่ามีความพร้อมด้านระบบงานและบุคลากรในการดำเนินธุรกิจต่อไป
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้คณะกรรมการกำกับตลาดทุนได้สั่งห้าม TSFC ขยายการประกอบธุรกิจและลงทุนเพิ่มเพราะมีปัญหาในเรื่องฐานะทางการเงิน และสั่งให้ TSFC ต้องเพิ่มเงินกองทุนไม่น้อยกว่า 279 ล้านบาท ให้เพียงพอที่จะสามารถดำรงอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงและภาระผูกพันตามที่กฎหมายกำหนด
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ครั้งที่ 8/2552 อนุญาตให้บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ จำกัด หรือ TSFC กลับมาประกอบธุรกิจได้ตามปกติ เนื่องจาก TSFC ได้แจ้งต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ว่า ได้ทำการปรับโครงสร้างหนี้ ทั้งดำเนินการลดทุนเพื่อล้างขาดทุนสะสมและจะทำการเพิ่มทุน
ทั้งนี้ผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ได้ลงนามในสัญญาจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนแล้ว ซึ่งการเพิ่มทุนดังกล่าวคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม 2552 และจะทำให้ TSFC มีเงินกองทุนเพิ่มขึ้นถึงประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยคณะกรรมการกำกับตลาดทุนได้พิจารณาถึงความตั้งใจในการแก้ไขปัญหาฐานะการเงินของ TSFC ทั้งในส่วนการปรับโครงสร้างหนี้ การทยอยชำระหนี้ และการเพิ่มทุน
ดังนั้น หาก TSFC เพิ่มทุนสำเร็จตามที่แผนจะทำให้ TSFC จะมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงและภาระผูกพันประมาณ 30% ซึ่งเพียงพอสำหรับรองรับการประกอบธุรกิจปกติและเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ( ตามกฎหมายกำหนดไว้ไม่ต่ำกว่า 8%) คณะกรรมการกำกับตลาดทุนจึงอนุญาตให้ TSFC ประกอบธุรกิจได้ตามปกติเมื่อบริษัทดำเนินการจดทะเบียนเพิ่มทุนกับกระทรวงพาณิชย์ และเมื่อสำนักงาน ก.ล.ต. เข้าตรวจบริษัทและเห็นว่ามีความพร้อมด้านระบบงานและบุคลากรในการดำเนินธุรกิจต่อไป
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้คณะกรรมการกำกับตลาดทุนได้สั่งห้าม TSFC ขยายการประกอบธุรกิจและลงทุนเพิ่มเพราะมีปัญหาในเรื่องฐานะทางการเงิน และสั่งให้ TSFC ต้องเพิ่มเงินกองทุนไม่น้อยกว่า 279 ล้านบาท ให้เพียงพอที่จะสามารถดำรงอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงและภาระผูกพันตามที่กฎหมายกำหนด
