รมว.คลัง แจงพันธบัตรไทยเข้มแข็ง 3 หมื่นล้าน เปิดให้ซื้อวันแรก ขายเกลี้ยงใน 1 ชั่วโมง ผู้สูงอายุต่อคิวยาวเหยียด 3 แบงก์ใหญ่สุดคึก ระบุ ยอดผู้สูงอายุที่มาซื้อประมาณ 4 หมื่นคน เฉลี่ยยอดการซื้อคนละ 6-7 แสนบาท
นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดแถลงข่าวที่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขากระทรวงการคลัง ภายหลังจากที่กระทรวงการคลังให้ธนาคารพาณิชย์ทั้ง 7 แห่งทั่วประเทศ เปิดขายพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งเป็นวันแรก เช้าวันนี้ (13 ก.ค.) โดยให้สิทธิผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปได้จองซื้อก่อนนั้น พบว่า วงเงินพันธบัตร 1.5 หมื่นล้านบาทในรอบนี้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก กระทรวงการคลังจึงเพิ่มสัดส่วนการจำหน่ายพันธบัตรให้แก่ผู้สูงอายุอีก 1 เท่า รวมเป็น 3 หมื่นล้านบาท
โดยวงเงินส่วนที่เพิ่มขึ้นอีก 1.5 หมื่นล้านบาทนั้น ได้นำมาจากวงเงินพันธบัตรรอบ 3 มูลค่า 2 หมื่นล้านบาท ที่เตรียมจำหน่ายให้แก่ประชาชนทั่วไปในช่วงวันที่ 17, 20-21 กรกฎาคม 2552 นี้ ดังนั้นจึงทำให้พันธบัตรรอบที่ 3 เหลือวงเงินอยู่ที่ 5 พันล้านบาท
รมว.คลัง กล่าวว่า การพิจารณาเพิ่มวงเงินการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ให้แก่ผู้สูงอายุ เนื่องจากเห็นว่าเป็นกลุ่มที่ต้องพึ่งพารายได้จากดอกเบี้ยมากกว่ากลุ่มอื่น
อย่างไรก็ดี พบว่า มีผู้สูงอายุมาจองซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งจนครบทั้งครบ 3 หมื่นล้านบาทแล้ว ในทั้ง 7 ธนาคารพาณิชย์ ตั้งแต่เวลา 10.30 น.คิดเป็นผู้สูงอายุที่มาซื้อราว 4 หมื่นคน เฉลี่ยยอดการซื้อคนละ 6-7 แสนบาท
“การที่คลังตัดสินใจขยายวงเงินขายพันธบัตรออมทรัพย์ให้แก่ผู้สูงอายุ เป็น 3 หมื่นล้านบาท เมื่อช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากได้มีการประเมินล่วงหน้าแล้วจากข้อมูลของธนาคารผู้จัดจำหน่ายทั้ง 7 แห่ง เกี่ยวกับระดับความสนใจซื้อของผู้สูงอายุ แต่การที่ไม่มีการแจ้งขยายวงเงินล่วงหน้า เพื่อลดความเสี่ยงที่ธนาคารอาจจะมีการขายพันธบัตรล่วงหน้าให้ลูกค้า และเพื่อต้องการประเมินจากสถานการณ์ตามข้อเท็จจริงด้วย”
ทั้งนี้ ในส่วนของการเปิดขายพันธบัตรออมทรัพย์ครั้งต่อไป ในวันที่ 15 กรกฎาคม 2552 ที่ให้สิทธิบุคคลทั่วไป จำกัดวงเงินซื้อรายละไม่เกิน 1 ล้านบาท วงเงินที่ออกขาย 15,000 ล้านบาท หากมีผู้ให้ความสนใจจองซื้อจำนวนมาก ก็สามารถโอนยอดพันธบัตรออมทรัพย์ที่เหลืออีก 5 พันล้านบาท จากส่วนที่ไม่จำกัดวงเงินซื้อที่จะเปิดขายในวันที่ 17 กรกฎาคม 2552 นำมาสมทบเช่นเดียวกับที่เพิ่มยอดขายพันธบัตรให้ผู้สูงอายุ
“ที่คลังตัดสินใจขยายวงเงินให้ผู้สูงอายุเมื่อ 8 โมงเช้าวันนี้ เพราะกลัวว่าจะมีการขายล่วงหน้า ซึ่งจะทำให้ผู้ที่มาเข้าคิวรอจองซื้อที่สาขาแบงก์ เสียโอกาสจับจองพันธบัตรได้ ซึ่งโดยปกติที่คลังออกขายพันธบัตรออมทรัพย์ จะมีผู้สนใจจองซื้อเฉลี่ย 7-8 พันราย แต่พันธบัตรออมทรัพย์ 5 หมื่นล้านบาท ที่ขายให้ผู้สูงอายุวันนี้ 3 หมื่นล้านบาท ก็มีผู้สนใจเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 4 หมื่นราย ถือว่าประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย”
รมว.คลัง กล่าวอีกว่า กระทรวงการคลัง พร้อมเปิดขายพันธบัตรออมทรัพย์เพิ่มเติมในครั้งต่อไปอีก โดยจะพิจารณาจังหวะเวลา และวงเงินที่จะออกอย่างเหมาะสม หลังจากได้ประเมินสถานการณ์ขายพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งครั้งนี้ วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท ที่คาดว่า จะมีผู้จองซื้อเต็มวงเงิน โดยวงเงินที่ระดมได้จากการออกพันธบัตรครั้งนี้จะนำไปใช้เพื่อชดเชยเงินคงคลัง และรองรับการเบิกจ่ายเงินงบประมาณในโครงการลงทุนตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งที่พบว่า ขณะนี้หน่วยราชการทุกแห่งที่รับผิดชอบโครงการลงทุน มีความพร้อมที่จะอนุมัติวงเงินและนำไปสู่การเบิกจ่ายเงินแล้ว ซึ่งกระทรวงการคลังมีอำนาจที่จะกู้เงินได้ถึง 8 แสนล้านบาท
สำหรับบรรยากาศการเปิดขายพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็ง พบว่า ได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่ใช้วิธีการแจกบัตรคิว และจำหน่ายในระบบเรียลไทม์ ซึ่งบางแห่งมีประชาชนมารอตั้งแต่ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา
รายงานข่าวระบุว่า บรรยากาศที่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB มีประชาชนมารอตั้งแต่ 04.00 น.และสามารถจำหน่ายหมดภายใน 10 นาที หลังเปิดจำหน่ายในเวลา 08.30 น.จากที่ได้รับจัดสรรโควตา 3,050 ล้านบาท และได้ขอให้กระทรวงการคลังจัดสรรโควตาเพิ่มเป็น 6,100 ล้านบาท
ส่วนที่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL สำนักงานใหญ่ ถนนสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ มีคนมาเข้าแถวรอจองซื้อพันธบัตรตั้งแต่เวลา 04.00 น.และสามารถจำหน่ายได้หมดภายใน 1 ชั่วโมง หลังเปิดบริการ โดยธนาคารกรุงเทพได้จัดสรรเงินจำนวน 3,550 ล้านบาท กระจายไปในทุกสาขาทั่วประเทศ เพื่อรองรับการจองซื้อของประชาชนในช่วงที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 13 และ 14 กรกฎาคม 2552 และขอเพิ่มเป็น 7,100 ล้านบาท
ด้าน ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK สาขาสำนักพหลโยธิน เขตพญาไท กรุงเทพฯตั้งแต่ช่วงเช้ามืดที่ผ่านมามีบรรดาผู้สูงอายุทยอยมายืนรอหน้าสาขาของธนาคาร โดยเฉพาะผู้สูงอายุวัย 78 ปี บอกว่า มาตั้งแต่ 01.00 น.เพราะกลัวว่าจะพลาดโอกาส โดยโควตาที่ธนาคารได้รับจัดสรรเบื้องต้นจำนวน 2,350 ล้านบาท ซึ่งได้ขอจัดสรรโควตาเพิ่มเติมเป็น 4,700 ล้านบาท และคาดว่าจะสามารถจำหน่ายได้ทั้งหมดภายในวันนี้