อินโดรามา มั่นใจรายได้-กำไรไตรมาส 2 ดีกว่าไตรมาสแรก เหตุเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจและ ปริมาณการขายเพิ่ม เล็งขยายกำลังการผลิตเพิ่มหากได้ออเดอร์จาก "เสริมสุข" คาดสรุปได้ไตรมาส3/52 พร้อมเดินหน้าโครงการก่อสร้างในสหรัฐฯ ตามแผน ดันกำลังการผลิตแตะระดับ 1.5 ล้านตันต่อปี ส่วนยอดขายปีนี้คงเป้าไว้ที่ 4.5 - 4.7 หมื่นล้านบาท และปริมาณการขายที่ 1.1 ล้านตัน
นายดีลิป กุมาร์ อากาวาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินโดรามา โพลีเมอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IRP เปิดเผยว่า บริษัทคาดการณ์รายได้และกำไรไตรมาส 2/2552 จะดีขึ้นกว่าช่วงไตรมาสแรกปีนี้ซึ่งบริษัทมีรายได้ 10,194 ล้านบาท และกำไรสุทธิที่ 681 ล้านบาท เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ รวมถึงบริษัทมีปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นจากช่วงไตรมาสแรกที่มีปริมาณการขายเพียง 2.2 แสนตัน โดยแบ่งเป็นปริมาณการขายเม็ดพลาสติก (PET) ในแถบเอเชีย 4.2 หมื่นตัน สหรัฐอเมริกา 5.46 หมื่นตัน และแถบยุโรป 1.52 แสนตัน
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนที่จะขยายกำลังการผลิตในประเทศไทยเพิ่ม เพื่อรองรับคำสั่งซื้อเม็ดพลาสติก จากบริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) หรือ SSC หลังจากที่ผ่านมา SSC ได้ประกาศขยายกำลังการผลิตเพิ่ม ซึ่งบริษัทคาดว่าจะได้ข้อสรุปของการขยายกำลังการผลิตในช่วงไตรมาส 3/52 โดยจะสรุปในรายละเอียดที่เกี่ยวกับจำนวนของแผนการขยาย รวมถึงเม็ดเงินในการลงทุนดังกล่าว
"บริษัท เสริมสุขฯ ถือเป็นลูกค้าเดิมของเรา ที่มีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่องอยู่แล้วในช่วงที่ผ่านมา ฉะนั้นถ้าเค้าประกาศเพิ่มกำลังผลิต เราในฐานะคู่ค้าอาจพิจารณาปรับเพิ่มกำลังผลิตตาม ในปีนี้เราเชื่อว่าจะมีรายได้ที่ดีกว่าปีที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัด จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น และต้นทุนที่ถูกลง ซึ่งขณะนี้บริษัทมีกระแสเงินสดในการดำเนินงานอยู่ที่ 1,329 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเตรียมพร้อมแหล่งเงินทุนในการขยายกำลังการผลิตในประเทศ " นายดีลิป กล่าว
สำหรับแผนในการก่อสร้างโรงงานผลิตเม็ดพลาสติก ที่มีอัตราการผลิตที่ 432,000 ตันต่อปี ในสหรัฐฯ นั้น ยังคงเดินหน้าตามแผนเดิม โดยคาดว่าโรงงานจะก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ในเดือนมิถุนายนนี้ และในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมจะเริ่มมีกำลังการผลิตดังกล่าวเข้ามา ซึ่งบริษัทคาดการณ์ว่าทั้งปีจะมีกำลังการผลิตรวมทั้งหมดประมาณ 1.5 ล้านตัน ถือเป็นอัตราที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนกว่า 1 ล้านตัน
อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงรักษาเป้าของยอดขายปีนี้อยู่ที่ 4.5 - 4.7 หมื่นล้านบาท และคาดการณ์ปริมาณการขายของบริษัททั้งปีอยู่ที่ 1.1 ล้านตัน หรือเติบโตขึ้น 20% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่ 7.7 แสนตัน โดยเป็นผลจากความต้องการและปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นและถึงแม้ว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะมีกำลังการผลิตพาราไซลีน (PX) และ MEG ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตขวดพลาสติกเข้ามาในตลาดมากขึ้น ทั้งจากจีนและตะวันออกกลาง ซึ่งคาดว่าจะทำให้ราคาผลิตภัณฑ์จะมีการปรับตัวลดลงและส่งผลดีต่อบริษัทที่ใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ในการผลิตขวดพลาสติก
นายดีลิป กุมาร์ อากาวาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินโดรามา โพลีเมอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IRP เปิดเผยว่า บริษัทคาดการณ์รายได้และกำไรไตรมาส 2/2552 จะดีขึ้นกว่าช่วงไตรมาสแรกปีนี้ซึ่งบริษัทมีรายได้ 10,194 ล้านบาท และกำไรสุทธิที่ 681 ล้านบาท เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ รวมถึงบริษัทมีปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นจากช่วงไตรมาสแรกที่มีปริมาณการขายเพียง 2.2 แสนตัน โดยแบ่งเป็นปริมาณการขายเม็ดพลาสติก (PET) ในแถบเอเชีย 4.2 หมื่นตัน สหรัฐอเมริกา 5.46 หมื่นตัน และแถบยุโรป 1.52 แสนตัน
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนที่จะขยายกำลังการผลิตในประเทศไทยเพิ่ม เพื่อรองรับคำสั่งซื้อเม็ดพลาสติก จากบริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) หรือ SSC หลังจากที่ผ่านมา SSC ได้ประกาศขยายกำลังการผลิตเพิ่ม ซึ่งบริษัทคาดว่าจะได้ข้อสรุปของการขยายกำลังการผลิตในช่วงไตรมาส 3/52 โดยจะสรุปในรายละเอียดที่เกี่ยวกับจำนวนของแผนการขยาย รวมถึงเม็ดเงินในการลงทุนดังกล่าว
"บริษัท เสริมสุขฯ ถือเป็นลูกค้าเดิมของเรา ที่มีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่องอยู่แล้วในช่วงที่ผ่านมา ฉะนั้นถ้าเค้าประกาศเพิ่มกำลังผลิต เราในฐานะคู่ค้าอาจพิจารณาปรับเพิ่มกำลังผลิตตาม ในปีนี้เราเชื่อว่าจะมีรายได้ที่ดีกว่าปีที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัด จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น และต้นทุนที่ถูกลง ซึ่งขณะนี้บริษัทมีกระแสเงินสดในการดำเนินงานอยู่ที่ 1,329 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเตรียมพร้อมแหล่งเงินทุนในการขยายกำลังการผลิตในประเทศ " นายดีลิป กล่าว
สำหรับแผนในการก่อสร้างโรงงานผลิตเม็ดพลาสติก ที่มีอัตราการผลิตที่ 432,000 ตันต่อปี ในสหรัฐฯ นั้น ยังคงเดินหน้าตามแผนเดิม โดยคาดว่าโรงงานจะก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ในเดือนมิถุนายนนี้ และในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมจะเริ่มมีกำลังการผลิตดังกล่าวเข้ามา ซึ่งบริษัทคาดการณ์ว่าทั้งปีจะมีกำลังการผลิตรวมทั้งหมดประมาณ 1.5 ล้านตัน ถือเป็นอัตราที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนกว่า 1 ล้านตัน
อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงรักษาเป้าของยอดขายปีนี้อยู่ที่ 4.5 - 4.7 หมื่นล้านบาท และคาดการณ์ปริมาณการขายของบริษัททั้งปีอยู่ที่ 1.1 ล้านตัน หรือเติบโตขึ้น 20% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่ 7.7 แสนตัน โดยเป็นผลจากความต้องการและปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นและถึงแม้ว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะมีกำลังการผลิตพาราไซลีน (PX) และ MEG ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตขวดพลาสติกเข้ามาในตลาดมากขึ้น ทั้งจากจีนและตะวันออกกลาง ซึ่งคาดว่าจะทำให้ราคาผลิตภัณฑ์จะมีการปรับตัวลดลงและส่งผลดีต่อบริษัทที่ใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ในการผลิตขวดพลาสติก
