ปตท.การันตีไตรมาส 2 สดใสกว่าไตรมาสแรก เหตุมีกำไรจากสต็อกน้ำมันถึง 200 ล้านเหรียญสหรัฐ หากราคาน้ำมันยังคงอยู่มในระดับนี้ รวมทั้งบริษัทลูกในเครือสดใสทั้งธุรกิจการกลั่น ปิโตรเคมีและการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม มั่นใจสิ้นปีนี้มีกำไรใกล้เคียงปีที่แล้ว 5 หมื่นล้านบาท แม้ว่ารายได้ปรับตัวลงก็ตาม พร้อมเบรกIRPCลงทุนโครงการยูโร 4 ด้านPTTAR ยิ้มออก หลังมาร์จินอะโรเมติกส์พุ่ง
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) (PTT) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 นี้ ปตท.คาดว่าจะมีกำไรสุทธิดีขึ้นกว่าไตรมาส 1/2552 ที่มีกำไรสุทธิ 7.4 พันล้านบาท เพราะมีกำไรจากสต็อกน้ำมันประมาณ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ หากราคาน้ำมัน ดิบในตลาดโลกยังอยู่ในระดับนี้ เพราะโรงกลั่นน้ำมันในเครือปตท.มีการสำรองน้ำมันตามกฎหมายรวมทั้งสิ้น 20 ล้านบาร์เรล รวมทั้งธุรกิจปิโตรเคมี โรงกลั่นน้ำมัน และบมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียมก็มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในไตรมาสนี้เช่นกัน
ส่วนผลดำเนินงานในปีนี้ ปตท.จะรักษากำไรสุทธิใกล้เคียงปีที่แล้ว ซึ่งมีกำไรสุทธิ 5.17 หมื่นล้านบาท แม้ว่ารายได้ในปีนี้จะปรับตัวลดลง เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลงมากเฉลี่ยปีนี้น่าจะอยู่ที่ 45-50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ขณะที่ค่าการกลั่นเฉลี่ยคาดว่าจะอยู่ที่ 3-5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่วนธุรกิจปิโตรเคมียังดีต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 3 นี้
แต่หลังจากนั้นจะมีกำลังการผลิตใหม่จากตะวันออกกลางและเอเชียเข้ามา คงต้องรอดูสถานการณ์อีกครั้งว่าจะมีการดีเลย์ของโครงการใหม่ๆหรือไม่ ส่วนธุรกิจก๊าซธรรมชาตินั้น ในปีนี้ปริมาณความต้องการใช้ก๊าซฯไม่น่าจะสูงกว่าปีที่แล้ว แม้ว่าปัจจุบันความต้องการใช้ก๊าซฯในประเทศจะปรับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 3,700 ล้านลบ.ฟุต/วันก็ตาม ขณะที่ก๊าซฯจากแหล่งเจดีเอ แปลงB17จะเข้ามาปลายปีนี้ เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาTake or Pay
ปตท. เบรกไออาร์พีซีทำยูโร 4
นายประเสริฐ กล่าวต่อไปว่า ไม่เห็นด้วยที่จะให้บมจ.ไออาร์พีซี ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่ปตท.ถือหุ้นใหญ่ ต้องการลงทุนในโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันตามมาตรฐานยูโร 4 เนื่องจากโรงกลั่นในกลุ่มปตท.ทั้งโรงกลั่นบางจาก บมจ.ไทยออยล์ และบมจ.ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น(PTTAR)สามารถผลิตน้ำมันยูโร 4 ได้เพียงพอที่จะป้อนตลาดน้ำมันสำเร็จรูปภายในประเทศ ซึ่งPTTARและไทยออยล์มีแผนลงทุนโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันตามมาตรฐานยูโร 4 ให้แล้วเสร็จตามนโยบายรัฐที่จะบังคับใช้ในต้นปี 2555 ดังนั้นจึงน่าจะใช้วิธีแลกเปลี่ยนน้ำมันระหว่างกันแทน โดยไออาร์พีซีควรผลิตน้ำมันรูปเกรดปกติเพื่อเน้นส่งออกไปยังประเทศเพื่อนนบ้าน หรือน้ำมันเขียวแทน เนื่องจากตลาดน้ำมันประเทศเพื่อนบ้านไม่ต้องการน้ำมันคุณภาพสูง
ส่วนความคืบหน้าการนำโรงกลั่นน้ำมันสตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC)เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯนั้น เชื่อว่า ในปีนี้คงไม่สามารถนำSPRCเข้าตลาดหุ้นได้ทัน เนื่องจากภาวะตลาดหุ้นไม่ดี และสุดท้ายจะเข้าตลาดหุ้นหรือไม่นั้น ก็ต้องขึ้นอยู่ผู้ถือหุ้นใหญ่อย่างเชฟรอน เพราะปตท.เองถือหุ้นในโรงกลั่นดังกล่าวอยู่ 36%เท่านั้น
แต่ในตามข้อตกลงเดิมที่เชฟรอนทำไว้กับรัฐบาลไทย คือจะต้องนำSPRCเข้าตลาดหลักทรัพย์ ส่วนการลงทุนซื้อเหมืองถ่านหินในปีนี้คงไม่มีเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ปตท.วางแผนการลงทุน 5ปี ใช้เงินประมาณ 2.29 แสนล้านบาท โดยในปีนี้จะลงทุนประมาณ 7-8 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนธุรกิจก๊าซธรรมชาติถึง 58% ที่เหลือเป็นการลงทุนโครงการต่างในบริษัทลูก และการลงทุนLNG บางส่วนด้วย
PTTARยิ้มมาร์จินอะโรเมติกส์พุ่ง
นายชายน้อย เผื่อนโกสุม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน)(PTTAR) กล่าวว่า บริษัทฯคาดว่าไตรมาสนี้บริษัทจะมีรายได้และกำไรดีขึ้นกว่าไตรมาสแรก เนื่องจากส่วนต่างราคาพาราไซลีนกับวัตถุดิบ(คอนเดนเสท)ในตลาดจรสูงขึ้นมากถึง 650 เหรียญสหรัฐ/ตัน ดีกว่าไตรมาส 1/2552 ที่มีสเปรดเพียง 450 เหรียญสหรัฐ/ตัน เพราะนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน ทำให้จีนมีความต้องการพาราไซลีนเพิ่มขึ้นเพื่อป้อนโรงงานผลิตโพลีเอสเตอร์ ขณะเดียวกันผู้ประกอบการหันมาเก็บสต็อกพาราไซลีนเพิ่มหลังจากปลายปีที่แล้วหยุดสั่งซื้อไป
ส่วนสเปรดเบนซีนในช่วงนี้ก็ดีขึ้นเช่นกันอยู่ที่ตันละ 150 เหรียญสหรัฐ/ตัน ขณะที่ไตรมาสแรกสเปรดเบนซีน ตลาดจรอยู่ที่ -25 เหรียญสหรัฐ/ตัน
นอกจากนี้ไตรมาส 2 บริษัทฯจะมีกำไรจากสต็อกน้ำมันเพิ่มขึ้น หลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น และกำไรจากการประกันความเสี่ยง (เฮดจิ้ง) แต่ค่าการกลั่นในไตรมาส 2 นี้อาจไม่ดีเมื่อเทียบกับไตรมาสแรก
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) (PTT) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 นี้ ปตท.คาดว่าจะมีกำไรสุทธิดีขึ้นกว่าไตรมาส 1/2552 ที่มีกำไรสุทธิ 7.4 พันล้านบาท เพราะมีกำไรจากสต็อกน้ำมันประมาณ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ หากราคาน้ำมัน ดิบในตลาดโลกยังอยู่ในระดับนี้ เพราะโรงกลั่นน้ำมันในเครือปตท.มีการสำรองน้ำมันตามกฎหมายรวมทั้งสิ้น 20 ล้านบาร์เรล รวมทั้งธุรกิจปิโตรเคมี โรงกลั่นน้ำมัน และบมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียมก็มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในไตรมาสนี้เช่นกัน
ส่วนผลดำเนินงานในปีนี้ ปตท.จะรักษากำไรสุทธิใกล้เคียงปีที่แล้ว ซึ่งมีกำไรสุทธิ 5.17 หมื่นล้านบาท แม้ว่ารายได้ในปีนี้จะปรับตัวลดลง เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลงมากเฉลี่ยปีนี้น่าจะอยู่ที่ 45-50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ขณะที่ค่าการกลั่นเฉลี่ยคาดว่าจะอยู่ที่ 3-5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่วนธุรกิจปิโตรเคมียังดีต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 3 นี้
แต่หลังจากนั้นจะมีกำลังการผลิตใหม่จากตะวันออกกลางและเอเชียเข้ามา คงต้องรอดูสถานการณ์อีกครั้งว่าจะมีการดีเลย์ของโครงการใหม่ๆหรือไม่ ส่วนธุรกิจก๊าซธรรมชาตินั้น ในปีนี้ปริมาณความต้องการใช้ก๊าซฯไม่น่าจะสูงกว่าปีที่แล้ว แม้ว่าปัจจุบันความต้องการใช้ก๊าซฯในประเทศจะปรับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 3,700 ล้านลบ.ฟุต/วันก็ตาม ขณะที่ก๊าซฯจากแหล่งเจดีเอ แปลงB17จะเข้ามาปลายปีนี้ เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาTake or Pay
ปตท. เบรกไออาร์พีซีทำยูโร 4
นายประเสริฐ กล่าวต่อไปว่า ไม่เห็นด้วยที่จะให้บมจ.ไออาร์พีซี ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่ปตท.ถือหุ้นใหญ่ ต้องการลงทุนในโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันตามมาตรฐานยูโร 4 เนื่องจากโรงกลั่นในกลุ่มปตท.ทั้งโรงกลั่นบางจาก บมจ.ไทยออยล์ และบมจ.ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น(PTTAR)สามารถผลิตน้ำมันยูโร 4 ได้เพียงพอที่จะป้อนตลาดน้ำมันสำเร็จรูปภายในประเทศ ซึ่งPTTARและไทยออยล์มีแผนลงทุนโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันตามมาตรฐานยูโร 4 ให้แล้วเสร็จตามนโยบายรัฐที่จะบังคับใช้ในต้นปี 2555 ดังนั้นจึงน่าจะใช้วิธีแลกเปลี่ยนน้ำมันระหว่างกันแทน โดยไออาร์พีซีควรผลิตน้ำมันรูปเกรดปกติเพื่อเน้นส่งออกไปยังประเทศเพื่อนนบ้าน หรือน้ำมันเขียวแทน เนื่องจากตลาดน้ำมันประเทศเพื่อนบ้านไม่ต้องการน้ำมันคุณภาพสูง
ส่วนความคืบหน้าการนำโรงกลั่นน้ำมันสตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC)เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯนั้น เชื่อว่า ในปีนี้คงไม่สามารถนำSPRCเข้าตลาดหุ้นได้ทัน เนื่องจากภาวะตลาดหุ้นไม่ดี และสุดท้ายจะเข้าตลาดหุ้นหรือไม่นั้น ก็ต้องขึ้นอยู่ผู้ถือหุ้นใหญ่อย่างเชฟรอน เพราะปตท.เองถือหุ้นในโรงกลั่นดังกล่าวอยู่ 36%เท่านั้น
แต่ในตามข้อตกลงเดิมที่เชฟรอนทำไว้กับรัฐบาลไทย คือจะต้องนำSPRCเข้าตลาดหลักทรัพย์ ส่วนการลงทุนซื้อเหมืองถ่านหินในปีนี้คงไม่มีเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ปตท.วางแผนการลงทุน 5ปี ใช้เงินประมาณ 2.29 แสนล้านบาท โดยในปีนี้จะลงทุนประมาณ 7-8 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนธุรกิจก๊าซธรรมชาติถึง 58% ที่เหลือเป็นการลงทุนโครงการต่างในบริษัทลูก และการลงทุนLNG บางส่วนด้วย
PTTARยิ้มมาร์จินอะโรเมติกส์พุ่ง
นายชายน้อย เผื่อนโกสุม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน)(PTTAR) กล่าวว่า บริษัทฯคาดว่าไตรมาสนี้บริษัทจะมีรายได้และกำไรดีขึ้นกว่าไตรมาสแรก เนื่องจากส่วนต่างราคาพาราไซลีนกับวัตถุดิบ(คอนเดนเสท)ในตลาดจรสูงขึ้นมากถึง 650 เหรียญสหรัฐ/ตัน ดีกว่าไตรมาส 1/2552 ที่มีสเปรดเพียง 450 เหรียญสหรัฐ/ตัน เพราะนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน ทำให้จีนมีความต้องการพาราไซลีนเพิ่มขึ้นเพื่อป้อนโรงงานผลิตโพลีเอสเตอร์ ขณะเดียวกันผู้ประกอบการหันมาเก็บสต็อกพาราไซลีนเพิ่มหลังจากปลายปีที่แล้วหยุดสั่งซื้อไป
ส่วนสเปรดเบนซีนในช่วงนี้ก็ดีขึ้นเช่นกันอยู่ที่ตันละ 150 เหรียญสหรัฐ/ตัน ขณะที่ไตรมาสแรกสเปรดเบนซีน ตลาดจรอยู่ที่ -25 เหรียญสหรัฐ/ตัน
นอกจากนี้ไตรมาส 2 บริษัทฯจะมีกำไรจากสต็อกน้ำมันเพิ่มขึ้น หลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น และกำไรจากการประกันความเสี่ยง (เฮดจิ้ง) แต่ค่าการกลั่นในไตรมาส 2 นี้อาจไม่ดีเมื่อเทียบกับไตรมาสแรก