ไพลอน ทำใจกำไรปี 52 วูบจากปีก่อน 58.43 ล้านบาท เหตุภาวะแข่งขันสูงและมูลค่าโครงการต่ำลง หลังเศรษฐกิจซบ ปรับแผนครึ่งปีหลังเน้นลุยงานรัฐเชื่อเริ่มมีงานใหญ่ออกสู่ตลาดมากขึ้น หลังรัฐบาลอนุมัติ ลุ้นโครงการเมกะโปรเจกต์เพิ่มอีกระลอก ปีนี้ตั้งเป้ารายได้แตะ 500-700 ล้านบาท เตรียมประมูลงานเอกชนเพิ่ม 300 ล้านบาท
นายบดินทร์ แสงอารยะกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) หรือ PYLON เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจซบเซาส่งผลให้มีการแข่งขันในด้านราคาสูงขึ้นประกอบกับมูลค่าของโครงการต่างๆ ที่เริ่มมีมูลค่าน้อยลงตามทิศทางเดียวกับวัตถุดิบ จึงทำให้บริษัทฯ คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิในปี 52 น่าจะปรับตัวลดลงจากปีก่อนที่เคยทำได้ 58.43 ล้านบาท
ปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ (Black log) มูลค่าประมาณ 400 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็นงานของ PYLON จำนวน 200 ล้านบาท จากโครงการ อาทิ งานเสาเข็มเจาะของโครงการเดอะ พาร์คแลนด์ (ตากสิน-ท่าพระ), โครงการที เค ที อพาร์เมนท์ (รามอินทรา) ที่จะทยอยรับรู้รายได้ไปจนสิ้นไตรมาส 3/52 และงานของบริษัทลูก "เอ็กซิลอน" อีก 200 ล้านบาท จากงานด้านก่อสร้างและออกแบบบ้าน ฯลฯ ซึ่งจะรับรู้รายต่อเนื่องไปจนถึงต้นไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
สำหรับแนวทางการบริหารงานในครึ่งปีหลัง บริษัทคงเดินหน้าประมูลงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มจำนวน Black log ให้มากขึ้น หลังจากที่งานสวนใหญ่จะทยอยรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีแรก โดยจะให้ความสำคัญกับงานภาครัฐเป็นหลัก เนื่องจากมองว่าจะเริ่มงานโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐออกมาสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องถ้าหากทางสภาผู้แทนราษฎร์อนุมัติแผนการลงทุนขนาดใหญ่หรือเมกะโปรเจ็กต์ โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ ที่เหลือ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ประมาณไตรมาส 3-4 ของปี 52 ดังนั้น บริษัทต้องเตรียมความพร้อมเพื่อเป็นการรองรับงานในส่วนนี้ด้วยเช่นเดียวกัน โดยปีนี้ประมาณการณ์รายได้ที่ระดับ 500-700 ล้านบาท ซึ่งถือว่าลดลงจากปีก่อนที่ทำไว้ 723.04 ล้านบาท
" ถ้าหากสภาผู้แทนราษฏร์อนุมัติเมกะโปรเจ็กต์ จริงก็เชื่อว่าจะทำให้มีเม็ดเงินและโครงการต่าง ๆ ไหลเข้าสู่ระบบค่อนข้างมาก และก็จะกลายเป็นตัวช่วยให้งานที่เกี่ยวเนื่องกับบริษัทมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการทดแทนงานภาคเอกชนที่ลดน้อยลงอีกด้วย " นายบดินทร์กล่าว
ขณะเดียวกันบริษัทฯ เตรียมเข้าร่วมประมูลงานภาคเอกชนเพิ่มอีกประมาณ 300 ล้านบาท ขณะที่บริษัทลูกก็เตรียมประมูลภาคเอกชนเพิ่มเช่นกันจำนวน 4 โครงการ มูลค่าประมาณ 350 ล้านบาท ซึ่งเรื่องดังกล่าวทั้งหมดน่าจะได้เห็นความชัดเจนในอีก 2-3 เดือน
นอกจากนี้ ในอนาคตทาง PYLON มีแผนจะย้ายการซื้อขายหุ้นของบริษัทไปอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จากปัจจุบันที่ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ( mai ) เพื่อช่วยสร้างความแข็งแกร่งและเพิ่มโอกาสในการหาพันธมิตรเข้ามาร่วมขยายธุรกิจ แต่อย่างไรก็ตามเรื่องดังกล่าวยังไม่ได้กำหนดว่าจะเป็นเมื่อใด ทั้งนี้ ล่าสุด บริษัทได้เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 150 ล้านบาท เป็น 200 ล้านบาท
สำหรับผลงานไตรมาสแรกปีนี้ PYLON รวมบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 15.33 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 51 ถือว่าสวนทางกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ผลมาจากทยอยรับรู้รายได้จากงานที่อยู่ในมือ(Backlog) ประมาณ 200 ล้านบาท รวมถึงรับรู้รายได้จากบริษัทย่อย คือ เอ็กซิลอน ที่บริษัทถือหุ้น 51%
" ไตรมาสแรกที่งบของเราออกมาดีเพราะรับรู้รายได้จาก Backlog ที่มีอยู่ในมือกว่า 200 ล้านบาทและผลดีที่บริษัทลูกเข้ามาช่วยหนุน แม้เพิ่งก่อตั้งเมื่อเดือนธันวาคม 51 ที่ผ่านมา แต่ก็สามารถสร้างรายได้และกำไรได้ทันที ซึ่งปีนี้จะรับรู้รายได้เต็มปีเชื่อว่าน่าจะสนับสนุนให้ผลประกอบการของ PYLON เป็นไปในทิศทางที่ดีได้" นายบดินทร์กล่าว
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2 ปีนี้คาดว่ายังมีทิศทางที่ดีแต่อาจชะลอลงบ้างเนื่องจากมีวันหยุดหลายวัน และช่วงไตรมาส 2 นี้ บริษัทมีงานในมือคิดเป็นมูลค่า 150 ล้านบาท และงานที่จะประมูลใหม่ คาดว่าผลประกอบการครึ่งปีแรกมีแนวโน้มดี แม้ภาวะเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทได้เข้าร่วมประมูลงานต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายฐานลูกค้า รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพและพัฒนาการทำงาน ให้เหมาะสมกับงานแต่ละโครงการ เพื่อให้สามารถรองรับงานที่จะเข้ามาในอนาคตได้อย่างคล่องตัว
นายบดินทร์ แสงอารยะกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) หรือ PYLON เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจซบเซาส่งผลให้มีการแข่งขันในด้านราคาสูงขึ้นประกอบกับมูลค่าของโครงการต่างๆ ที่เริ่มมีมูลค่าน้อยลงตามทิศทางเดียวกับวัตถุดิบ จึงทำให้บริษัทฯ คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิในปี 52 น่าจะปรับตัวลดลงจากปีก่อนที่เคยทำได้ 58.43 ล้านบาท
ปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ (Black log) มูลค่าประมาณ 400 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็นงานของ PYLON จำนวน 200 ล้านบาท จากโครงการ อาทิ งานเสาเข็มเจาะของโครงการเดอะ พาร์คแลนด์ (ตากสิน-ท่าพระ), โครงการที เค ที อพาร์เมนท์ (รามอินทรา) ที่จะทยอยรับรู้รายได้ไปจนสิ้นไตรมาส 3/52 และงานของบริษัทลูก "เอ็กซิลอน" อีก 200 ล้านบาท จากงานด้านก่อสร้างและออกแบบบ้าน ฯลฯ ซึ่งจะรับรู้รายต่อเนื่องไปจนถึงต้นไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
สำหรับแนวทางการบริหารงานในครึ่งปีหลัง บริษัทคงเดินหน้าประมูลงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มจำนวน Black log ให้มากขึ้น หลังจากที่งานสวนใหญ่จะทยอยรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีแรก โดยจะให้ความสำคัญกับงานภาครัฐเป็นหลัก เนื่องจากมองว่าจะเริ่มงานโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐออกมาสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องถ้าหากทางสภาผู้แทนราษฎร์อนุมัติแผนการลงทุนขนาดใหญ่หรือเมกะโปรเจ็กต์ โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ ที่เหลือ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ประมาณไตรมาส 3-4 ของปี 52 ดังนั้น บริษัทต้องเตรียมความพร้อมเพื่อเป็นการรองรับงานในส่วนนี้ด้วยเช่นเดียวกัน โดยปีนี้ประมาณการณ์รายได้ที่ระดับ 500-700 ล้านบาท ซึ่งถือว่าลดลงจากปีก่อนที่ทำไว้ 723.04 ล้านบาท
" ถ้าหากสภาผู้แทนราษฏร์อนุมัติเมกะโปรเจ็กต์ จริงก็เชื่อว่าจะทำให้มีเม็ดเงินและโครงการต่าง ๆ ไหลเข้าสู่ระบบค่อนข้างมาก และก็จะกลายเป็นตัวช่วยให้งานที่เกี่ยวเนื่องกับบริษัทมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการทดแทนงานภาคเอกชนที่ลดน้อยลงอีกด้วย " นายบดินทร์กล่าว
ขณะเดียวกันบริษัทฯ เตรียมเข้าร่วมประมูลงานภาคเอกชนเพิ่มอีกประมาณ 300 ล้านบาท ขณะที่บริษัทลูกก็เตรียมประมูลภาคเอกชนเพิ่มเช่นกันจำนวน 4 โครงการ มูลค่าประมาณ 350 ล้านบาท ซึ่งเรื่องดังกล่าวทั้งหมดน่าจะได้เห็นความชัดเจนในอีก 2-3 เดือน
นอกจากนี้ ในอนาคตทาง PYLON มีแผนจะย้ายการซื้อขายหุ้นของบริษัทไปอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จากปัจจุบันที่ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ( mai ) เพื่อช่วยสร้างความแข็งแกร่งและเพิ่มโอกาสในการหาพันธมิตรเข้ามาร่วมขยายธุรกิจ แต่อย่างไรก็ตามเรื่องดังกล่าวยังไม่ได้กำหนดว่าจะเป็นเมื่อใด ทั้งนี้ ล่าสุด บริษัทได้เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 150 ล้านบาท เป็น 200 ล้านบาท
สำหรับผลงานไตรมาสแรกปีนี้ PYLON รวมบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 15.33 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 51 ถือว่าสวนทางกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ผลมาจากทยอยรับรู้รายได้จากงานที่อยู่ในมือ(Backlog) ประมาณ 200 ล้านบาท รวมถึงรับรู้รายได้จากบริษัทย่อย คือ เอ็กซิลอน ที่บริษัทถือหุ้น 51%
" ไตรมาสแรกที่งบของเราออกมาดีเพราะรับรู้รายได้จาก Backlog ที่มีอยู่ในมือกว่า 200 ล้านบาทและผลดีที่บริษัทลูกเข้ามาช่วยหนุน แม้เพิ่งก่อตั้งเมื่อเดือนธันวาคม 51 ที่ผ่านมา แต่ก็สามารถสร้างรายได้และกำไรได้ทันที ซึ่งปีนี้จะรับรู้รายได้เต็มปีเชื่อว่าน่าจะสนับสนุนให้ผลประกอบการของ PYLON เป็นไปในทิศทางที่ดีได้" นายบดินทร์กล่าว
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2 ปีนี้คาดว่ายังมีทิศทางที่ดีแต่อาจชะลอลงบ้างเนื่องจากมีวันหยุดหลายวัน และช่วงไตรมาส 2 นี้ บริษัทมีงานในมือคิดเป็นมูลค่า 150 ล้านบาท และงานที่จะประมูลใหม่ คาดว่าผลประกอบการครึ่งปีแรกมีแนวโน้มดี แม้ภาวะเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทได้เข้าร่วมประมูลงานต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายฐานลูกค้า รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพและพัฒนาการทำงาน ให้เหมาะสมกับงานแต่ละโครงการ เพื่อให้สามารถรองรับงานที่จะเข้ามาในอนาคตได้อย่างคล่องตัว