ศูนย์วิจัยกสิกรฯ มองตลาดหุ้นไทย สัปดาห์หน้า ยังปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง ตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ พร้อมแนะจับตาผลประกอบการ บจ.ที่จะทยอยประกาศ ช่วงท้ายสัปดาห์ และดัชนีความเชื่อมั่นในวันที่ 14 พ.ค.นี้
บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) รายงานคาดการณ์ภาวะตลาดหุ้นไทย สัปดาห์หน้า (11-15 พฤษภาคม 2552) โดยมองว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยน่าจะยังคงแกว่งตัวผันผวนขึ้นต่อได้ โดยปัจจัยที่ยังคงต้องติดตาม ได้แก่ การรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์สุดท้ายของตลาดหุ้นไทย และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเมษายน 2552 ที่จะประกาศในวันที่ 14 พฤษภาคม 2552 นี้
ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญ คงจะต้องติดตามความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันในตลาดโลก และการปรับตัวของตลาดหุ้นภูมิภาค ตลอดจนการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด คาดว่า ดัชนีจะมีแนวรับที่ 523 และ 518 จุด ขณะที่แนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 535 และ 555 จุด ตามลำดับ
ทั้งนี้ ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ 527.72 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.33 จาก 491.69 จุด ในสัปดาห์ก่อน และพุ่งขึ้นร้อยละ 17.28 จากสิ้นปี 2551 ขณะที่มูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสัปดาห์เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.54 จาก 67,599.27 ล้านบาท ในสัปดาห์ก่อนหน้า มาอยู่ที่ 81,482.81 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่เพิ่มขึ้นจาก 16,899.82 ล้านบาท ในสัปดาห์ก่อน มาอยู่ที่ 27,160.94 ล้านบาท โดยนักลงทุนรายย่อยขายสุทธิที่ 4,824.96 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิที่ 2,424.56 ล้านบาท และ 2,400.40 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ ปิดที่ 166.89 จุด ขยับขึ้นร้อยะ 1.95 จาก 163.69 จุด ในสัปดาห์ก่อน และร้อยละ 2.43 จากสิ้นปีก่อน
ศูนย์ วิจัยกสิกรฯ ระบุเพิ่มเติมว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา การเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ ท่ามกลางความคาดหวังเชิงบวกต่อทิศทางเศรษฐกิจ หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลายตัวออกมาดีกว่าคาด โดยในวันจันทร์ที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นไทยปิดบวก ตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยดัชนีสามารถยืนเหนือระดับ 500 จุด ได้ตลอดช่วงบ่าย ขณะที่มูลค่าการซื้อขายก็มีระดับที่หนาแน่น
ส่วนในวันอังคาร ตลาดหุ้นไทยปิดทำการเนื่องในวันฉัตรมงคล หลังจากเปิดทำการอีกครั้งในวันพุธ ดัชนีหุ้นไทยปิดปรับขึ้นร้อยละ 3.33 ตามทิศทางตลาดต่างประเทศ ขณะที่มีแรงซื้ออย่างหนาแน่นในหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มพลังงานและธนาคาร รวมถึงอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งหนุนให้มีมูลค่าการซื้อขายเข้ามามากกว่า 3 หมื่นล้านบาท หนาแน่นสูงสุดในรอบเกือบ 1 ปี
ในวันพฤหัสบดี ดัชนียังคงปิดปรับตัวขึ้นต่อ แต่แรงขายทำกำไรในระหว่างวัน ทำให้ดัชนีไม่สามารถปรับขึ้นมาได้มากนัก ขณะที่นักลงทุนยังคงรอดูผลการทดสอบภาวะวิกฤตของสถาบันการเงินสหรัฐฯ ที่จะประกาศในเย็นวันที่ 7 พฤษภาคม 2552 ตามเวลาสหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่บ่งชี้ว่าสถาบันการเงินต่างๆ จะสามารถรับมือกับภาวะถดถอยที่รุนแรงได้หรือไม่
