ครม.พิจารณาแผนจัดหาเงิน 1.56 ล้านลบ.เพื่อกระตุ้น ศก. พร้อมสรุปร่างงบฯ ปี 2553 รมว.คลัง ชงแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 เน้นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ส่งผลต่อการจ้างงาน 2 ล้านอัตรา
มีรายงานข่าวแจ้งว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (ครม.) วันนี้กระทรวงการคลังจะเสนอรายละเอียดการจัดหาแหล่งเงิน 1.56 ล้านล้านบาทตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 2 ระยะ 3 ปี โดยจะมีรูปแบบการจัดหาแหล่งเงินทั้งการออกพันธบัตรรัฐบาล การกู้เงินต่างประเทศผ่านองค์กรการเงินระหว่างประเทศ และรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐกับเอกชน (PPP)
พร้อมกันนี้ ครม.จะมีการสรุปรายละเอียดของวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 วงเงิน 1.7 ล้านล้านบาท จากที่ได้มีการตัดลดวงเงินงบประมาณรายจ่ายลงมาถึง 2 แสนล้านบาท โดยต้องติดตามว่าหน่วยงานใดจะถูกลดงบประมาณบ้าง
นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาใช้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 เพื่อลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ ที่มีความจำเป็นต่อการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะการพัฒนาระบบน้ำให้กับเกษตรกร การพัฒนาระบบขนส่ง เพื่อลดต้นทุนการใช้จ่ายภาคธุรกิจ รวมถึงการพัฒนาด้านการศึกษา และธุรกิจพลังงาน
“ซึ่งทั้งหมดมีความสำคัญในการแข่งขันของประเทศไทย ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว ซึ่งการลงทุนทั้งหมดคาดว่า จะมีผลต่อการจ้างงาน 1.6 ถึง 2 ล้านอัตรา และจะช่วยผลักดันการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 2 ต่อปี”
สำหรับการดำเนินการในแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 นั้น ต้องออกเป็นกฎหมาย 2 ฉบับ เพื่อกู้เงินจำนวน 8 แสนล้านบาท โดยแบ่งเป็นพระราชกำหนดพิเศษกู้เงินฉุกเฉิน วงเงิน 4 แสนล้านบาท เพื่อชดเชยการขาดดุลปีงบประมาณ 2552 จำนวน 3 แสนล้านบาท และเพื่อชดเชยเงินคงคลังจำนวน 1 แสนล้านบาท และออกเป็นพระราชบัญญัติกู้เงินไม่เกิน 4 แสนล้านบาท เพื่อใช้ลงทุนในปี 2553
นอกจากนี้ยังมีวาระอื่นๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ กระทรวงมหาดไทยจะเสนอแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับ 10 โดยคาดว่าจะมีการย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่สีแดงออกจากพื้นที่ โดยเฉพาะผู้ว่าราชการ จ.ชลบุรี จะถูกย้ายไปเป็นผู้ว่าราชการ จ.ฉะเชิงเทรา หลังเกิดเหตุความวุ่นวายของม็อบเสื้อแดงที่ทำให้การประชุมผู้นำอาเซียนต้องยกกเลิกไปเพราะไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้
นายกรัฐมนตรีจะได้เสนอร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยบำเหน็จความชอบสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง เสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์เกี่ยวกับอายุความ เสนอร่างหลักเกณฑ์การจำหน่ายทรัพย์สินและลูกหนี้จากบัญชีเป็นศูนย์ เสนอขออนุมัติโอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และ งบประมาณของสำนักวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกลาโหม ให้กับสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (องค์การมหาชน) และเสนอแต่งตั้งคณะกรรมการต่างๆ ที่รัฐมนตรีกลาโหมแต่งตั้งรวม 17 คณะ
นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกมนตรีด้านเศรษฐกิจ เสนอขออนุมัติยกเลิกโครงการนิคมอุตสาหกรรมขนาดย่อม จังหวัดขอนแก่น และเสนอการขอคืนที่ดินราชพัสดุให้กับทางราชการ
ส่วนเรื่องอื่นๆ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอการนำดาวเทียมไทยคม-5 ทดแทนดาวเทียมไทยคม-3 ที่ปลดระวาง (De-orbit), กระทรวงศึกษาธิการ เสนอขออนุญาตก่อสร้างอาคารศูนย์การเรียนรู้มหิดลเป็นกรณีพิเศษของมหาวิทยาลัยมหิดล เสนอร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ และร่าง พ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้องรวม 3 ฉบับ และ กระทรวงการต่างประเทศเสนอการส่งกองพันทหารราบเข้าร่วมในภารกิจรักษาสันติภาพผสมระหว่างสหภาพแอฟริกาและสหประชาชาติในดาร์ฟูร์