รองนายกฯ ด้านความมั่นคง มอบหมายกระทรวงกลาโหมดูแลด้านความปลอดภัยจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน เลือกที่มั่นจัดประชุม จ.ภูเก็ตเชื่อประชาชนในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียงไม่มีใครขัดขวาง ไม่ประมาทจัดประชุมรมต.สาธารณสุขอาเซียน 6 พ.ค.นี้
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ให้สัมภาษณ์
เมื่อเวลา 07.40 น.วันที่ 2 พ.ค. ที่ท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 นาย สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยพล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พล.อ. ทรงกิตติ จักการบาตร์ ผบ.ทหารสูงสุด พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.ร.อ. กำธร พุ่มหิรัญ พล.อ. อภิชาติ เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ. ประวิตร จันทร์โอชา เสนาธิการทหารบก พร้อมด้วยตัวแทนกระทรวงต่างประเทศ เดินทางไปร่วมประชุมเตรียมความพร้อมการประชุมผู้นำอาเซียนบวก 3 และบวก 6 ที่จ.ภูเก็ต
นายสุเทพให้สัมภาษณ์ก่อนออกเดินทางว่า จะพาเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความสงบเรียบร้อยลงพื้นที่จ.ภูเก็ต ไปประชุมร่วมกับ จ.ภูเก็ต ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน เพื่อเตรียมความพร้อมในการประชุมผู้นำอาเซียน จ.ภูเก็ต มั่นใจว่าการประชุมครั้งนี้ จะไม่มีปัญหาใดๆเกิดขึ้น เนื่องจาก 1.ชาวภูเก็ต และ 14 จังหวัดภาคใต้มีความคิดเหมือนคนทั้งประเทศที่อยากเห็นการประชุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศไทย และอาเซียน 2.ลักษณะภูมิประเทศของภูเก็ตเอื้ออำนวยต่อการบริหารจัดการด้านความปลอดภัย 3.รัฐบาลมอบให้กระทรวงกลาโหมรับผิดชอบการรักษาความปลอดภัยให้ผู้นำอาเซียน
นายสุเทพกล่าวว่า การที่กระทรวงกลาโหมเป็นกำลังหลักในการดูแลความปลอดภัยในการประชุมผู้นำอาเซียน ก็จะมีมาตรการ กำลังพลที่จะมาดูแลความปลอดภัยมากขึ้น เนื่องจากกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมีไม่เพียงพอที่จะแก้ปัญหาได้ โดยกระทรวงกลาโหมเป็นผู้ดูแลการวางแผนและรายละเอียดทั้งหมด มั่นใจว่า การประชุมครั้งนี้ จะไม่มีผู้ชุมนุมจ.ภูเก็ตและจังหวัดใกล้เคียงมาขัดขวางการประชุม
ผู้สื่อข่าวถามว่า การให้ทหารมาดูแลความปลอดภัยในการประชุมสำคัญๆจะเป็นบรรทัดฐานให้ทหารต้องมาดูแลเรื่องความปลอดภัยในการประชุมครั้งสำคัญๆตลอดไปหรือไม่ นายสุเทพตอบว่า เราควรคิดถึงชื่อเสียง เกียรติภูมิของประเทศไทย ความไว้วางใจที่นานาประเทศมีต่อประเทศไทยมากกว่าเรื่องอื่น
ส่วนการประชุมรมว.สาธารณสุขอาเซียนระหว่างวันที่ 7-8 พ.ค. ที่กลุ่มเสื้อแดงขู่จะชุมนุมในวันที่ 6 พ.ค. นั้น ทางเจ้าหน้าที่คงต้องดูแลให้การชุมนุมประสบผลสำเร็จ เพราะเป็นผลประโยชน์ของอาเซียน โดยเฉพาะเรื่องไข้หวัดหมูที่ทุกประเทศในอาเซียนต้องร่วมมือกันในการแก้ปัญหา