นักวิเคราะห์ ทำนายเศรษฐกิจไทยซึมยาว ชี้ ปัจจัยหลักจากปัญหาทางการเมือง ระบุ สิ่งทุกคนกำลังเป็นห่วงตอนนี้ คือ สถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศ ที่ยังไม่รู้ว่าจะมีทางออกในเรื่องนี้อย่างไร และจะจบลงอย่างไร เป็นสิ่งที่นักลงทุนไม่สามารถที่จะคาดเดาได้ พร้อมทำนาย รัฐบาล ปชป.ไม่ครบเทอม เพราะเริ่มมีสัญญาณบางอย่างอาจจะต้องมีการประกาศยุบสภาฯ ในเร็วๆ นี้
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เท่าที่มีการประเมินภาพรวมตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ แม้ว่าปัญหาการระบาดไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่กำลังทำให้คนไทยมีความวิตกกังวล ปัญหาทางการเมืองหรือแม้แต่ปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ยังมีสัญญาณการชะลอตัวอยู่ แต่ปัญหาเหล่านี้ นักลงทุนส่วนใหญ่ได้มีการรับรู้และมองว่าไม่น่าจะทำให้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกต้องปรับตัวลดลงไปมากกว่านี้แล้ว เห็นได้ชัดในช่วงการซื้อขายหุ้นหลังจากช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมามีการซื้อขายหุ้นกลับเข้ามาอย่างคึกคักและต่อเนื่องขึ้น จึงเชื่อว่าโอกาสที่หุ้นไทยจะหลุดเกินกว่า 500 จุดไปจนถึง 530 จุดได้ภายในเวลาอีก 1-2 เดือนหลังจากนี้มีโอกาสเป็นไปได้สูงโดยสัญญาณการฟื้นตัวของตลาดหุ้นกลับมาแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าจะยาวแค่ไหนคงต้องจับตาดูกันต่อไป
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่กังวลใจกรณีข่าวการระบาดไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่กำลังมองว่าจะขยายไปทั่วประเทศ เพราะนักลงทุนมองว่ายังเป็นสิ่งที่ไกลตัวและเชื่อว่าหน่วยงานที่กำลังดูแลน่าจะสามารถควบคุมดูแลไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดไปมากกว่านี้ ส่วนปัจจัยเศรษฐกิจโลกก็เห็นว่ายังมีแนวโน้นที่จะชะลอตัวลงไปอีก 2-3 ปี ที่จะกลับมาฟื้นตัวขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณที่ทุกคนได้รับทราบอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ทุกคนกำลังเป็นห่วงคือสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศของไทยที่ยังไม่รู้ว่าจะมีทางออกในเรื่องนี้อย่างไร และจะจบลงอย่างไร เป็นสิ่งที่นักลงทุนไม่สามารถที่จะคาดเดาได้
ทั้งนี้ หากดูการเมืองของไทยที่ไม่รู้ว่าจะจบอย่างไร ทำให้หลายฝ่ายมีการวิเคราะห์กันว่าน่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างความกังวลใจที่จะเข้ามาลงทุนทั้งในตลาดเงินตลาดทุน รวมถึงการเข้ามาลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐานของไทย แม้ว่ารัฐบาลชุดนี้จะออกมาแสดงความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนในด้านต่างๆ แต่มองว่ารัฐบาลชุดนี้นำโดยพรรคประชาธิปัตย์ ไม่น่าจะอยู่ครบเทอม เพราะเริ่มมีสัญญาณบางอย่างอาจจะต้องมีการประกาศยุบสภาฯ ในเร็วๆ นี้ เพื่อให้เกิดการเลือกตั้งใหม่ เพราะหากไม่มีการยุบสภาฯ ก็เชื่อว่าปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองคงจะไม่จบลงได้แน่นอน
“เท่าที่ได้ประเมินปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองของไทยคงจะไม่จบลงโดยง่าย และทางออกที่ดีที่สุดคือนายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภาฯให้มีการเลือกตั้งใหม่ เพื่อให้ประชาชนได้ตัดสินใจเลือกตั้งใหม่ ดังนั้น เศรษฐกิจไทยในปีนี้ติดลบแน่นอนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 4 แต่สิ่งที่อยากให้รัฐบาลเร่งดำเนินการก่อนยุบสภาฯคือ ผ่านงบประมาณปี 53 ที่จะนำเม็ดเงินเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจในทุกทางให้เกิดการลงทุนและการบริโภคที่แท้จริง เพราะแม้ว่า รัฐบาลจะมีวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสที่ 3-4 แต่ก็เป็นวงเงินด้านการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานระยะยาว แต่เม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจระดับรากหญ้าผ่านเช็คช่วยชาติ 2,000 บาทนั้น ยังไม่เข้ามาช่วยระบบเศรษฐกิจไทยได้เต็มทีนัก รวมถึงอยากให้รัฐบาลเร่งหามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระดับรากหญ้าระยะสั้นให้มากกว่านี้” นายไพบูลย์ กล่าวทิ้งท้าย