xs
xsm
sm
md
lg

ตลาดหุ้นไทยลุ้นศาลชี้ขาดคดีที่ดินรัชดาฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน – ตลาดหุ้นไทยซบเซา มูลค่าการซื้อขายแค่ 9 พันล้านบาท แม้ดัชนีบวกกว่า 5 จุด ตามทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลกหลังจากผ่อนคลายจากวิกฤตการเงินสหรัฐฯ บวกกับแรงเก็งกำไรหุ้นพลังงานรับราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ด้านโบรกเกอร์ คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยยังเสี่ยงจากก่อกวนของกลุ่มลิ่วล้อ “แม้ว” ที่จะป่วน หลังศาลฎีกาชี้ขาดคดีที่ดินรัชดาฯ วันนี้

บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (20 ต.ค.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค แต่มูลค่าการซื้อขายไม่คึกคักมากนัก เพราะนักลงทุนยังกังวลปัญหาวิกฤตสถาบันการเงินที่ลุกลามอยู่ขณะนี้ยังไม่สามารถคลี่คลายได้ บวกกับปัจจัยด้านการเมืองที่จะมีการพิจารณาคดีที่ดินรัชดาฯ ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา ในวันนี้ (21 ต.ค.)

ทั้งนี้ ดัชนีตลาดหุ้นเคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวกเกือบตลอดทั้งวัน แม้ช่วงเช้าจะปรับตัวลดลงต่ำกว่าราคาปิดครั้งก่อนเล็กน้อย โดยมีราคาต่ำสุดที่ 470.23 จุด สูงสุด 480.73 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 476.95 จุด เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 5.64 จุด หรือคิดเป็น 1.20% มูลค่าการซื้อขาย 9,050.84 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 181.52 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 341.37 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 159.85 ล้านบาท

สำหรับหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ราคาปิด 101 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท หรือคิดเป็น 3.59% มูลค่าการซื้อขาย 1,096.20 ล้านบาท บมจ.ปตท. (PTT) ปิดที่ 181 บาท เพิ่มขึ้น 4 บาท หรือ 2.26% มูลค่า 882.42 ล้านบาท และธนาคารกรุงเทพ (BBL) ปิดที่ 71.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 2.14% มูลค่า 676.38 ล้านบาท

นายอภิศักดิ์ ลิมป์ธำรงกุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) นครหลวงไทย กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชีย ประกอบกับแรงซื้อเข้ามาเก็งกำไรผลประกอบการของหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ทยอยประกาศออกมาแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่มีผลการดำเนินงานที่ดีกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

อย่างไรก็ตาม มูลค่าการซื้อขายที่มีเข้ามาค่อนข้างเบาบาง เกิดจากความไม่เชื่อมั่นในวิกฤตภาคการเงินที่ยังสร้างความเสียหายแก่เศรษฐกิจโลก และปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองภายในประเทศที่สถานการณ์ยังไม่น่าไว้วางใจทำให้มีแรงขายสลับออกมากดดันดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ไม่มากนัก

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวลดลงจากแรงขายลดความเสี่ยงในประเด็นการเมืองที่เปราะบาง และมีการพิจารณาคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่นัดฟังคำพิพากษาคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินรัชดาฯ ที่อัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา เป็นจำเลย ซึ่งผลการตัดสินอาจนำไปสู่ความขัดแย้ง เพราะหากตัดสินออกมาว่ามีความผิดตามฟ้องอาจสร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มที่สนับสนุนพรรคพลังประชาชน

“วันนี้ดัชนีอาจจะปรับตัวลดลงตามปัจจัยการเมืองในประเทศ และต้องจับตาดูตลาดหุ้นทั่วโลกว่าจะปรับตัวไปในทิศทางใด โดยกลยุทธ์การลงทุน แนะนำชะลอการลงทุนแนวรับ 460 จุด แนวต้าน 480 จุด”

นายภูวดล ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล. เอเชียพลัส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ วานนี้ค่อนข้างผันผวน จากการที่รัฐบาลเดินหน้าแต่งตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.3) ท่ามกลางกระแสคัดค้านจากสมาชิกวุฒิสภา (สว.) แต่หุ้นในกลุ่มพลังงานกลับได้ปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และมีการคาดการณ์จะเพิ่มขึ้นได้อีก หลังกลุ่มโอเปกมีแนวโน้มลดกำลังการผลิตลง

“ภาวการณ์ลงทุนในตลาดหุ้นวันนี้น่าจะยังคงเบาบาง นักลงทุนต้องจับตาการเมืองในประเทศ รวมถึงทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยหุ้นกลุ่มที่น่าสนใจลงทุนจะเป็นกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ และพลังงานที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี แนวรับที่ 460 จุด และแนวต้าน 490 จุด” นายภูวดล กล่าว

นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล. พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ ตามทิศทางตลาดในต่างประเทศ และจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นส่งผลให้มีแรงซื้อขายมาในหุ้นกลุ่มพลังงาน ขณะที่แนวโน้มวันนี้ ดัชนีจะยังคงแกว่งตัวตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ และนักลงทุนต้องติดตามสถานการณ์ทางการเมืองอย่างใกล้ชิด โดยมีแนวรับที่ 460 จุด และแนวต้าน 490 จุด

ด้านนายเอกพิทยา เอี่ยมคงเอก ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บล. บีฟิท จำกัด ( มหาชน) หรือBSEC กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ ดัชนีจะยังคงเคลื่อนไหวในลักษณะผันผวน โดยควรจับตาสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศ และทิศทางตลาดหุ้นต่างต่างประเทศ โดยมีแนวรับที่ 460 จุด และแนวต้านที่ 488 จุด

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพรวมตลาดหลักทรัพย์ฯ ปรับตัวทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นในภูมิภาค เนื่องจากผลของมาตรการจากธนาคารกลางและรัฐบาลต่างๆ ที่อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบสถาบันการเงินเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาวิกฤตการเงิน ทำให้ปัญหาดังกล่าวเริ่มคลี่คลายและสามารถเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับมา

ขณะเดียวกันราคาน้ำมันได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และจากการคาดการณ์ว่าในการประชุมโอเปคจะมีการเสนอเพื่อลดกำลังการผลิตน้ำมัน ซึ่งจะทำให้พยุงราคาน้ำมันไม่ให้ต่ำเกินไป ทำให้ราคาน้ำมันมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีก ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยเชิงบวกต่อนักลงทุน และมีแรงซื้อเข้ามาเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มพลังงาน รวมถึงผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไตรมาส 3/51 ดีกว่าที่คาดการณ์

ส่วนแนวโน้มวันนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทยอาจจะยืนอยู่ในแดนบวกได้ จากปัญหาวิกฤตสถาบันการเงินเริ่มคลี่คลาย หลังจากที่รัฐบาลต่างๆ พยายามอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบสถาบันการเงินเพื่อเสริมสภาพคล่องเป็นการรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจ แสดงให้เห็นว่าปัญหาดังกล่าวได้ถูกคลี่คลายไปในทางที่ดีแล้ว บวกกับแรงเก็งกำไรจากหุ้นกลุ่มพลังงาน ซึ่งมีมูลค่าตามราคาตลาดรวมสูงที่จะส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวอยู่ในแดนบวกได้

“นักลงทุนต้องติดตามปัจจัยต่างๆ อย่างใกล้ชิด ทั้งราคาน้ำมันจะเพิ่มขึ้นจริงหรือไม่ จากการลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปค ขณะที่ปัญหาภายในประเทศ คือ การเมืองที่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีว่าจะลาออกหรือยุบสภา ตามข้อเสนอของฝ่ายทหารหรือไม่ หากดำเนินการจริงน่าจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทย ทั้งนี้ประเมินแนวรับไว้ที่ 470 จุด และแนวต้าน 484 จุด”
กำลังโหลดความคิดเห็น