กบง.เห็นชอบสูตรเอทานอลใหม่ หนุนราคาเพิ่มเป็น 18.59 บาท/ลิตร เริ่มทันที 1 พ.ค.นี้ ยันสูตรคำนวณราคาใหม่ จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เปิดเผยว่า กบง. มีมติปรับสูตรราคาเอทานอลใหม่เพื่อให้ มีความเหมาะสม โดยจะเป็นราคาที่อ้างอิงกับต้นทุนการผลิตในประเทศ แทนสูตรเดิมที่อ้างอิงกับ ราคาเอทานอลจากตลาดบราซิล ส่งผลให้ราคาเอทานอลอ้างอิงใหม่อยู่ที่ 18.59 บาท/ลิตร จากเดิมที่ 17.18 บาท/ลิตร ตั้งแต่เดือน พ.ค.นี้ โดยสูตรราคาใหม่จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และจะมีการใช้สูตรดังกล่าวชั่วคราวเพียง 6 เดือน ซึ่งหากภายใน 6 เดือนนี้มีการประกาศราคาซื้อขายเอทานอลของประเทศบราซิลแล้วจะนำเสนอ กบง. พิจารณาหลักเกณฑ์เพื่อคำนวณต้นทุนราคาเอทานอลอีกครั้ง
นพ.วรรณรัตน์ กล่าวด้วยว่า สูตรราคาเอทานอลใหม่จะเป็นราคาอ้างอิงจากต้นทุนการผลิตในประเทศ ที่คำนวณจากราคามันสำปะหลัง และกากน้ำตาล (โมลาส) ซึ่งจะมีการประกาศราคาอ้างอิงเอทานอลทุกเดือน ตามตัวเลขกรมศุลกากร ย้อนหลังตั้งแต่เดือนมกราคมถึงมีนาคม 52 ที่ 70-80 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน ไม่ได้ใช้ราคาตามที่ผู้ผลิตเอทานอลอ้างอิงว่า ใช้โมลาสตามราคาส่งออกที่ 120 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน โดยราคาเอทานอลอ้างอิงตามสูตรใหม่จะขยับขึ้นเป็น 18.59 บาท/ลิตรนั้น คำนวณจากต้นทุนการผลิตเอทานอลที่มาจากมันสำปะหลังจะอยู่ที่ 15.28 บาท/ลิตร และต้นทุนที่มาจากโมลาส จะอยู่ที่ 18.01 บาท/ลิตร โดยส่วนต่างราคาเอทานอลและต้นทุนผลิตจะสูงขึ้นมาก หากมีการผลิตจากมันสำปะหลัง ซึ่งจะเป็นแรงจูงใจให้มีโรงงานเอทานอลจากมันสำปะหลังเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
“สูตรราคาเอทานอล ปัจจุบันจะอ้างอิงราคาเอทานอลจากตลาดบราซิล คิดราคาเฉลี่ย จากไตรมาสก่อน มากำหนดราคาเฉลี่ยสำหรับไตรมาสถัดไป รวมถึงคำนวณค่าขนส่งภายในบราซิล และค่าขนส่งทางเรือจากบราซิลมาไทย ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในการนำเข้า และอัตราแลกเปลี่ยนด้วย” นพ.วรรณรัตน์ กล่าว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า หากการผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลัง ที่จะมีขึ้นอีก 4 โรงงาน แล้วเสร็จตามแผนที่จะเริ่มทยอยเข้าระบบตั้งแต่เดือน พ.ค.นี้จนครบทั้งหมด ก็จะทำให้มีกำลังการผลิตเอทานอลเพิ่มขึ้นอีก 5-6 แสนลิตร/วัน ซึ่งน่าจะช่วยแก้ปัญหาราคามันสำปะหลังที่ตกต่ำได้อีกด้วย นอกจากนี้ เชื่อว่ากำลังการผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลัง ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากการปรับสูตรราคาเอทานอล จะดึงราคาเอทานอลที่ซื้อขายจริงในปัจจุบัน 22-23 บาท/ลิตร ให้ลดลงด้วย
“คาดว่าผู้ค้าน้ำมันควรจะใช้ราคาซื้อขายเอทานอลตามสูตรใหม่ เพราะหากมีการซื้อขายตามตลาด ก็จะทำให้มาร์จิ้นการค้าแก๊สโซฮอล์ของผู้ค้าน้ำมันลดลง และเรื่องดังกล่าว ผู้ค้าน้ำมันก็ไม่ควรผลักภาระให้กับผู้บริโภคด้วย” นพ.วรรณรัตน์ กล่าว
ปัจจุบัน ความต้องการใช้เอทานอลในไทยอยู่ที่ราว 1.2-1.3 ล้านลิตร/วัน ซึ่งการผลิตส่วนใหญ่จะมาจากโมลาส ราว 1.17 ล้านลิตร/วัน และมาจากมันสำปะหลัง 9.1 หมื่นลิตร/วัน
นอกจากนี้ ที่ประชุม กบง.ยังเห็นชอบให้ปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง สำหรับ น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 โดยเป็นการชดเชยเพิ่มขึ้นเป็น 8 บาท/ลิตร จากเดิมที่ชดเชย 5.70 บาท/ลิตร เพื่อดึงราคา E85 ให้ลดลงต่ำกว่าราคาแก๊สโซฮอล์ 95 หรือ E10 ประมาณร้อยละ 30 เพื่อจูงใจ ให้เกิดการจำหน่ายเพิ่มขึ้น
นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เปิดเผยว่า กบง. มีมติปรับสูตรราคาเอทานอลใหม่เพื่อให้ มีความเหมาะสม โดยจะเป็นราคาที่อ้างอิงกับต้นทุนการผลิตในประเทศ แทนสูตรเดิมที่อ้างอิงกับ ราคาเอทานอลจากตลาดบราซิล ส่งผลให้ราคาเอทานอลอ้างอิงใหม่อยู่ที่ 18.59 บาท/ลิตร จากเดิมที่ 17.18 บาท/ลิตร ตั้งแต่เดือน พ.ค.นี้ โดยสูตรราคาใหม่จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และจะมีการใช้สูตรดังกล่าวชั่วคราวเพียง 6 เดือน ซึ่งหากภายใน 6 เดือนนี้มีการประกาศราคาซื้อขายเอทานอลของประเทศบราซิลแล้วจะนำเสนอ กบง. พิจารณาหลักเกณฑ์เพื่อคำนวณต้นทุนราคาเอทานอลอีกครั้ง
นพ.วรรณรัตน์ กล่าวด้วยว่า สูตรราคาเอทานอลใหม่จะเป็นราคาอ้างอิงจากต้นทุนการผลิตในประเทศ ที่คำนวณจากราคามันสำปะหลัง และกากน้ำตาล (โมลาส) ซึ่งจะมีการประกาศราคาอ้างอิงเอทานอลทุกเดือน ตามตัวเลขกรมศุลกากร ย้อนหลังตั้งแต่เดือนมกราคมถึงมีนาคม 52 ที่ 70-80 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน ไม่ได้ใช้ราคาตามที่ผู้ผลิตเอทานอลอ้างอิงว่า ใช้โมลาสตามราคาส่งออกที่ 120 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน โดยราคาเอทานอลอ้างอิงตามสูตรใหม่จะขยับขึ้นเป็น 18.59 บาท/ลิตรนั้น คำนวณจากต้นทุนการผลิตเอทานอลที่มาจากมันสำปะหลังจะอยู่ที่ 15.28 บาท/ลิตร และต้นทุนที่มาจากโมลาส จะอยู่ที่ 18.01 บาท/ลิตร โดยส่วนต่างราคาเอทานอลและต้นทุนผลิตจะสูงขึ้นมาก หากมีการผลิตจากมันสำปะหลัง ซึ่งจะเป็นแรงจูงใจให้มีโรงงานเอทานอลจากมันสำปะหลังเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
“สูตรราคาเอทานอล ปัจจุบันจะอ้างอิงราคาเอทานอลจากตลาดบราซิล คิดราคาเฉลี่ย จากไตรมาสก่อน มากำหนดราคาเฉลี่ยสำหรับไตรมาสถัดไป รวมถึงคำนวณค่าขนส่งภายในบราซิล และค่าขนส่งทางเรือจากบราซิลมาไทย ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในการนำเข้า และอัตราแลกเปลี่ยนด้วย” นพ.วรรณรัตน์ กล่าว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า หากการผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลัง ที่จะมีขึ้นอีก 4 โรงงาน แล้วเสร็จตามแผนที่จะเริ่มทยอยเข้าระบบตั้งแต่เดือน พ.ค.นี้จนครบทั้งหมด ก็จะทำให้มีกำลังการผลิตเอทานอลเพิ่มขึ้นอีก 5-6 แสนลิตร/วัน ซึ่งน่าจะช่วยแก้ปัญหาราคามันสำปะหลังที่ตกต่ำได้อีกด้วย นอกจากนี้ เชื่อว่ากำลังการผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลัง ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากการปรับสูตรราคาเอทานอล จะดึงราคาเอทานอลที่ซื้อขายจริงในปัจจุบัน 22-23 บาท/ลิตร ให้ลดลงด้วย
“คาดว่าผู้ค้าน้ำมันควรจะใช้ราคาซื้อขายเอทานอลตามสูตรใหม่ เพราะหากมีการซื้อขายตามตลาด ก็จะทำให้มาร์จิ้นการค้าแก๊สโซฮอล์ของผู้ค้าน้ำมันลดลง และเรื่องดังกล่าว ผู้ค้าน้ำมันก็ไม่ควรผลักภาระให้กับผู้บริโภคด้วย” นพ.วรรณรัตน์ กล่าว
ปัจจุบัน ความต้องการใช้เอทานอลในไทยอยู่ที่ราว 1.2-1.3 ล้านลิตร/วัน ซึ่งการผลิตส่วนใหญ่จะมาจากโมลาส ราว 1.17 ล้านลิตร/วัน และมาจากมันสำปะหลัง 9.1 หมื่นลิตร/วัน
นอกจากนี้ ที่ประชุม กบง.ยังเห็นชอบให้ปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง สำหรับ น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 โดยเป็นการชดเชยเพิ่มขึ้นเป็น 8 บาท/ลิตร จากเดิมที่ชดเชย 5.70 บาท/ลิตร เพื่อดึงราคา E85 ให้ลดลงต่ำกว่าราคาแก๊สโซฮอล์ 95 หรือ E10 ประมาณร้อยละ 30 เพื่อจูงใจ ให้เกิดการจำหน่ายเพิ่มขึ้น
