xs
xsm
sm
md
lg

บสก.อุ้มลูกหนี้-คนซื้อทรัพย์ ผ่อนต่ำสุดในระบบเหลือ 3%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บสก.ปรับลดดอกเบี้ย MLR รวดเดียว 0.5% จากระดับ 6.5% เหลือ 6% เพื่อช่วยลูกหนี้และลูกค้าซื้อทรัพย์  ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยซื้อทรัพย์แบบผ่อนชำระกับ บสก. เหลือแค่ 3% ต่ำสุดในระบบ พร้อมเชื่อมั่นระบบแบงก์พาณิชย์แข็งแกร่ง สามารถช่วยเหลือภาคธุรกิจอื่นได้ เผยดัน 6 โครงการ สู้ศึกเศรษฐกิจ เร่งปรับกลยุทธ์การตลาด จัดกิจกรรมตลอดทั้งปี ระบุเตรียมยกทัพนักขายพบลูกค้าทั่วกรุงเทพฯ หวังทำรายได้เข้าเป้า 11,731 ล้านบาท 

นางสว่างจิตต์ จัยวัฒน์ ประธานกรรมการบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (บสก.) กล่าวว่า บสก.ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำสำหรับลูกค้าประเภทเงินกู้ที่มีกำหนดระยะเวลา (MLR) ลง 0.5% จากเดิมที่ระดับ 6.5% เหลือ 6% ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 5 ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่อัตราดอกเบี้ย MLR เฉลี่ยที่ระดับ 6.30% เพื่อเป็นการช่วยบรรเทาผลระทบจากปัญหาเศรษฐกิจที่ชะลอตัวให้แก่ลูกหนี้และลูกค้าที่ซื้อทรัพย์แบบผ่อนชำระกับ บสก.

ทั้งนี้ จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว จะช่วยแบ่งเบาภาระให้แก่ลูกค้าที่มีรายได้ลดลง สามารถผ่อนชำระกับ บสก.ต่อไปได้ รวมถึงลูกค้ารายย่อยที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน หากต้องการซื้อที่อยู่อาศัย สามารถผ่อนชำระโดยตรงกับ บสก.ได้ในอัตราดอกเบี้ย MLR-3% ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำสุดในระบบ ทั้งนี้ คาดว่า แนวโน้มอัตราดอกเบี้ย MLR จะลดลงต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีหากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีการส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง บสก.ก็พร้อมที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงตามอีก

ประธานกรรมการ บสก.ยังได้กล่าวถึงภาคสถาบันการเงินของประเทศ ว่า สถาบันการเงินนับว่ามีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างมาก จากตัวเลขผลประกอบการ 9 เดือน ปี 2551 ประเภทธุรกิจการเงินมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 78,597 ล้านบาท และธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งได้มีการกันสำรองครบถ้วนแล้ว ทำให้ระบบธนาคารพาณิชย์มีความแข็งแกร่ง และพร้อมที่จะรองรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้

ขณะเดียวกัน บสก.พร้อมที่จะเป็นเครื่องมือสำคัญของรัฐ ในการเข้าไปรับซื้อรับโอนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) และทรัพย์สินรอการขาย (NPA) จากสถาบันการเงิน เพื่อช่วยให้สถาบันการเงินเดินหน้าได้อย่างแข็งแกร่ง  พร้อมทั้งทำหน้าที่เป็นองค์กรหลักที่ช่วยให้สินทรัพย์ไม่ถูกกดราคา และสอดคล้องกับกลไกตลาด โดยประมาณการรับซื้อ NPL ปี 2552 ประมาณ 15,000 ล้านบาท และประมาณการรับซื้อNPA รวมทั้งสิ้น 7,465 ล้านบาท แยกเป็นซื้อจากสถาบันการเงินอื่น 4,000 ล้านบาท และโอนทรัพย์/ซื้อจากการขายทอดตลาด 3,465 ล้านบาท

ด้านทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ มองว่า ยังคงทรงตัว โดยปัจจัยที่ทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ไม่ชะลอตัวลงมากนัก เป็นผลจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารพาณิชย์อยู่ในระดับต่ำ และมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากสภาพคล่องในระบบการเงินยังมีอยู่สูง ขณะที่เงินทุนเคลื่อนย้ายสุทธิของภาคเอกชนในปี 2551 มีเงินไหลเข้าเป็นจำนวนมาก ประกอบกับตลาดทุนยังไม่น่าสนใจ ทำให้นักลงทุนสนใจลงทุนในภาคธุรกิจอสังหาฯ มากขึ้น เนื่องจากมีผลตอบแทนค่อนข้างดี และมีความเสี่ยงต่ำ

นายบรรยง วิเศษมงคลชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บสก.กล่าวว่า จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงในปัจจุบัน ทำให้ บสก.ต้องปรับกลยุทธ์การดำเนินงานต่างๆ เพื่อให้สามารถฝ่าฟันวิกฤตในปีนี้ ด้วยการผลักดัน 6 โครงการของ บสก.อย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับสถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัว ประกอบด้วย โครงการคืนทรัพย์ให้คุณ ที่ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยนำทรัพย์หลักประกันกลับไปทำประโยชน์, โครงการซื้อทรัพย์แบบผ่อนชำระ เป็นการช่วยเหลือลูกค้าในการผ่อนชำระ โดยสามารถผ่อนชำระได้นานถึง 10 ปี คิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ MLR – 3%

นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่ดินเกษตรกรรมเพื่อพืชเศรษฐกิจ โดยนำเสนอทฤษฎีใหม่ในปรัชญาเกษตรกรรมแบบพอเพียง, บ้าน บสก.โครงการพิเศษ เป็นการนำทรัพย์ในโครงการต่างๆ มาปรับปรุงใหม่ให้อยู่ในสภาพพร้อมขาย, โครงการ “มหกรรมคอนโด บสก.ลดราคา 20-50%”  ซึ่งเป็นการจัดแคมเปญพิเศษในเดือนมีนาคม ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี คาดว่า จะสามารถจำหน่ายทรัพย์ได้ถึง 500 ยูนิต และโครงการทัพนักขาย บสก. โดยเตรียมทัพนักขายพบลูกค้าทั่วกรุงเทพฯ เริ่มจากตลาดนัดสวนจตุจักรเป็นที่แรก

สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม-กุมภาพันธ์ 2552) อยู่ในระดับที่น่าพอใจ แม้จะมีปัจจัยลบจากปัญหาเศรษฐกิจ รวมถึงปัญหาทางการเมืองในประเทศก็ตาม โดยมีรายได้รวม 2,059.29 ล้านบาท คิดเป็น 105.72% เมื่อเทียบกับเป้าหมาย 2 เดือนแรกของปีนี้ที่ 1,955 ล้านบาท คาดว่าทั้งปีจะสามารถทำรายได้ถึง 11,731 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่วางไว้
กำลังโหลดความคิดเห็น