ทีดีอาร์ไอ แนะรัฐใช้ความรอบคอบ แผนสินค้าเกษตรแลกพลังงาน ขณะที่ ประธาน ส.อ.ท. โวยถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่ม โดยไม่เรียกผู้ประกอบการไปหารือ หวั่นผลกระทบถูกผลักภาระไปที่ประชาชน
นายนิพนธ์ พัวพงศกร ประธานมูลนิธิสถาบันเพื่อการวิจัยและพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลมีแผนจะใช้สินค้าเเกษตรแลกกับเชื้อเพลิงกับกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง(จีซีซี) เพื่อช่วยเหลือสินค้าส่งออกเกษตร และลดภาระการนำเข้าสินค้าพลังงาน ในช่วงที่เงินบาทอ่อนค่า
กรณีดังกล่าว รัฐบาลควรพิจารณาการแลกเปลี่ยนสินค้าอย่างรอบคอบ เพราะเป็นการแลกเปลี่ยนสินค้าที่แตกต่างกัน อีกทั้งสินค้าแต่ละประเทศมักกำหนดราคาสูงกว่าความเป็นจริง
โดยก่อนหน้านี้ รัฐบาลได้มีการเจรจากับกลุ่มจีซีซี ทั้งคูเวต กาตาร์ บาห์เรน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อทำสัญญาแลกเปลี่ยนสินค้ากับไทย โดยต้องการแลกเปลี่ยนน้ำมันเชื้อเพลิง แก๊ส และปุ๋ยกับข้าว ข้าวโพด และมันสำปะหลัง
ทั้งนี้ ทีดีอาร์ไอ กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อเสนอแนวทางการบริหารสินค้าเกษตรครบวงจร พร้อมกับมาตรการป้องกันการทุจริตจากการดำเนินโครงการรับจำนำเพื่อเสนอต่อนายกรัฐมนตรี คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนนี้
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ( ส.อ.ท. ) กล่าวถึงการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล ที่มีแนวโน้มลดลงจากผลกระทบวิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่กรมสรรพากรจะต้องมีความเข้มงวดในการจัดเก็บภาษีเพิ่มมากขึ้น และที่ผ่านมารัฐบาลก็จัดเก็บเฉพาะในสินค้าฟุ่มเฟือย แต่คราวนี้ กรมสรรพากรได้ขยายฐานสินค้าเพื่อเรียกเก็บภาษีเพิ่ม โดยไม่มีการหารือผู้ประกอบการ
นายสันติ ระบุว่า ก่อนที่รัฐบาลจะมีการจัดเก็บภาษีในส่วนใดเพิ่มเติมก็น่าจะมีการหารือกับผู้ประกอบการเพื่อให้เกิดความเข้าใจมากขึ้น รวมถึงหาข้อตกลงกันว่าจะจัดเก็บในอัตราเท่าใด เพื่อที่จะได้ไม่กระทบกับประชาชนที่ไม่เคยเสียภาษีในส่วนนี้มาก่อน
นอกจากนี้ส่วนเรื่องการลงพื้นที่ในแต่ละจังหวัดของรัฐบาลก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะจะได้รับรู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่โดยตรงส่วนกลุ่มเสื้อแดงที่ออกมาต่อต้านนั้นมองว่าน่าจะหารือกับรัฐบาลมากกว่าถึงความเดือดร้อนในพื้นที่ว่ามีเรื่องอะไรเพื่อที่จะได้แก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้อง