xs
xsm
sm
md
lg

KEST แนะ ตลท.ออกกฎเข้มป้องปั่นหุ้น หวั่นซ้ำรอย SST กระทบผู้เกี่ยวข้องเสียหาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กิมเอ็ง ชี้ ตลาดหลักทรัพย์ควรออกกฎเพิ่มและเข้มงวดกับหุ้นเก็งกำไรที่ราคาเคลื่อนไหวสูง เพื่อป้องกันความเสียหายให้นักลงทุนและบริษัทหลักทรัพย์ หวั่นซ้ำรอยหุ้น “ ทรัพย์ศรีไทยคลังสินค้า” ขณะเดียวกัน หนุนแนวคิด บล.เป็นผู้ดูแลการซื้อขาย (market marker) ตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์ปี 52 โต 9-10%

นางบุญพร บริบูรณ์ส่งศิลป์ กรรมการผู้จัดการ สายงานการตลาด บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEST เปิดเผยว่า จากกรณีของบริษัท ทรัพย์ศรีไทยคลังสินค้า จำกัด (มหาชน) (SST) ที่มีการสร้างข่าวลือว่าเกี่ยวกับการควบรวมกับพันธมิตรในธุรกิจประเภทเดียวกัน ส่งผลให้ราคาหุ้นและใบสำคัญแสดงสิทธิ (วอร์แรนต์) ของ SST ปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างผิดปกติ และภายหลังพบว่าข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง หรือเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น ก็ทำให้นักลงทุนและบริษัทหลักทรัพย์หลายแห่งได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บริษัทจึงอยากให้ทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ควรมีมาตรการเพิ่มเติมที่เป็นการดูแลหุ้นเก็งกำไรที่มี Turnover list สูง เพื่อเป็นการป้องกันความเสียหายกับผู้เกี่ยวข้องต่อไปในอนาคต

ทั้งนี้ แม้ว่า ล่าสุด ทางคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ปรับสูตรการคำนวณ Turnover listใหม่ โดยมีการนำกำไรสุทธิไม่รวมกำไรจากการลงทุนในการซื้อขายหลักทรัพย์มาคำนวน P/E ยกเว้นบริษัทที่ทำธุรกิจด้านการลงทุนปกติ เช่น บริษัทหลักทรัพย์ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทประกันภัย และบริษัทโฮลดิ้ง ซึ่งทำให้สะท้อนข้อมูลที่แท้จริงของบริษัทมากขึ้นแล้วก็ตาม แต่มองว่าสิ่งที่สำคัญ คือ ผู้ที่มีหน้าที่ในการกำกับดูแลควรหันมาให้ความสนใจในเรื่องดังกล่าวให้มากขึ้น

สำหรับแผนงานในปี 2552 บริษัทตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ในด้านธุรกิจการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์จะเติบโตอยู่ที่ 9-10% จากปี 2551 ที่มีมาร์เก็ตแชร์กว่า 8% เนื่องจากประเมินว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในช่วงขาลงตามทิศทางของเศรษฐกิจที่หดตัว ทำให้ผลตอบแทนจากการฝากเงินในธนาคารพาณิชย์ลดลง นักลงทุนส่วนใหญ่จึงพยายามแสวงหาการลงทุนในรูปอื่นที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า โดยเฉพาะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยที่สามารถให้ผลตอบแทนในรูปของเงินปันผลในเกณฑ์ที่สูงเมื่อเทียบกับราคาหุ้นในปัจจุบันที่ค่อนข้างต่ำ อีกทั้งบริษัทมีฐานลูกค้าที่ใหญ่และสภาพคล่องทางการเงินดี จึงเชื่อว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าที่ตั้งไว้

โดยปีนี้ บริษัทมีแผนจะพัฒนาศักยภาพของพนักงานการตลาด (มาร์เก็ตติ้ง) ด้วยการจัดอบรมเพื่อเพิ่มความรู้ในสินค้าต่างๆ อาทิ การลงทุนในฟิวเจอร์ของหุ้นรายตัว (single stock futures) สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า (gold future) ฯลฯ ซึ่งหวังที่จะให้มาร์เก็ตติ้งเหล่านี้เป็นผู้ช่วยแนะนำทางเลือกการลงทุนในด้านอื่นๆ นอกเหนือจากการซื้อขายหลักทรัพย์ให้กับนักลงทุน

พร้อมกันนี้ ทาง KSET เตรียมจะจัดสัมมนาเพื่อให้ความรู้แก่นักลงทุนในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ให้มากขึ้น เพื่อหวังจะเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับนักลงทุนหากเมื่อใดภาวะตลาดฯ กลับมาดีก็จะได้มีทางเลือกในการลงทุนหลากหลายขึ้น ส่วนการที่ตลาดหลักทรัพย์มีแนวคิดจะเสนอให้บริษัทหลักทรัพย์ ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลการซื้อขายหลักทรัพย์ (market marker) นั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะจะเป็นการช่วยเพิ่มสภาพคล่องของการลงทุนในตลาด
กำลังโหลดความคิดเห็น