บริษัทอสังหาฯระดับบิ๊ก “เคเอ็มซี-เอ็นพาร์ค” ส่ออาการน่าเป็นห่วง! เคเอ็มซีขาดทุน 364 ล้านบาท เอ็นพาร์คยังต้องฝ่ามรสุมขาดทุนสุทธิถึง 1,800 ล้านบาท ค่าย อารียาฯ-เอเวอร์แลนด์ รายได้จากการขายทรงตัว
นายธเนศวร์ สิงคาลวณิช กรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ KMC กล่าวว่า ผลขาดทุนสุทธิของบริษัทมีการลดลงเกินกว่า 20% มาอยู่ที่ 364.88 ล้านบาทเทียบกับปี 2550 ขาดทุนสุทธิ 656.25 ล้านบาท สาเหตุหลักที่ขาดทุนลดลง มาจากรายได้จากการขายอสังหาฯ และรายได้บริการของบริษัทในปี 2551 ยอดเพิ่มขึ้นเท่ากับ 1,026.99 ล้านบาท เทียบกับปี 2550 เท่ากับ 644.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 339 ล้านบาท คิดเป็น 45.49% ผลมาจากความสำเร็จในการขายที่อยู่อาศัยแนวสูง โครงการ เดอะคริส และการขายที่ดินของบริษัท
ส่วนของต้นทุนอสังหาฯและต้นทุนบริการ ในปี 2551 มียอดเพิ่มขึ้นจากปีก่อน จำนวน 251 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นเป็น 38.47% อันสืบเนื่องมาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นตลอดจนราคาของวัสดุอุปกรณ์ที่เพิ่มขึ้นรวมทั้งดอกเบี้ยจ่ายที่ถือเป็นต้นทุนของบริษัทฯเพิ่มขึ้น ดังนั้น กำไรขั้นต้นของบริษัทฯมีจำนวน 180 ล้านบาท คิดเป็น 16 .62%
นายจุมพลภัทร์ พูลทรัพย์ ผู้บริหาร แนเชอรัล พาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ N-PARK กล่าวถึงงบการเงินปี 2551 ที่ผ่านมา การตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีว่า บริษัทมีรายได้รวมจำนวน 302.60 ล้านบาท ลดลง 665.31 ล้านบาท หรือลดลง 68.73% สำหรับค่าใช้จ่าย (สุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย) บริษัทมีค่าใช้จ่ายรวมจำนวน 2,104.44 ล้านบาท ลดลง 2,198.46 ล้านบาท หรือลดลง 52.52% ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการบันทึกประมาณการค่าใช้จ่ายจากผลของคดีความจำนวน 448.67 ล้านบาท ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของเงินลงทุนจำนวน 639.83 ล้านบาท และขาดทุนจากการจำหน่ายเงินลงทุนจำนวน 324.52 ล้านบาท ดังนั้น ในปี 2551 จึงมีขาดทุนสุทธิจำนวน 1,801.84 ล้านบาท
ขณะที่ด้านสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 3,343.35 ล้านบาท และหนี้สินรวม 3,296 ล้านบาท และมีส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 47.27 ล้านบาท
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทได้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหา เพื่อให้ฐานะการเงินของบริษัทดีขึ้น โดยเมื่อวันที่ 3 ก.พ.2552 บริษัทได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับบริษัท ไทยสมุทรประกันชีวิต จำกัด และได้ชำระเงินงวดแรกจำนวน 75 ล้านบาท ไปแล้ว คงเหลือเงินที่ต้องชำระภายในเดือนตุลาคม 2552 จำนวน 125 ล้านบาท รวมเป็นเงินที่ต้องชำระทั้งสิ้น 200 ล้านบาท เพื่อยุติคดีแพ่งและคดีล้มละลาย ซึ่งเมื่อบริษัทชำระเงินครบถ้วน จะสามารถลดภาระการตั้งสำรองหนี้สินคดีไทยสมุทรได้ (ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 บริษัทบันทึกประมาณการหนี้สินคดีไทยสมุทรจำนวน 389.80 ล้านบาท)
นอกจากนี้ บริษัทสามารถขายหุ้นเพิ่มทุนได้เป็นเงินรวม 346.98 ล้านบาท (ขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 34,698.79 ล้านหุ้น ที่ราคาเสนอขายหุ้นละ0.01 บาท) และดำเนินการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงทุนชำระแล้วจากทุนชำระเดิมจำนวน 12,086.18 ล้านบาท เป็นทุนชำระแล้ว 46,784.98 ล้านบาท เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 24 ก.พ.2552
บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) “A” แจ้งว่า บริษัทมีผลกำไรสุทธิจำนวน 28.095 ล้านบาท (รวมส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยที่ขาดทุนประมาณ 4 ล้านบาท) เปรียบเทียบกับผลขาดทุนสุทธิจำนวน 78.63 โดยรายได้รวมเพิ่มขึ้นเท่ากับ 851.58 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้น 1.47%
บริษัท เอเวอร์แลนด์ จำกัด (มหาชน) ปี 2551 มีกำไรสุทธิจำนวน 1.09 ล้านบาท เปรียบเทียบกับ ปี 2550 ที่มีกำไรสุทธิ 6.90 ล้านบาท ลดลง 84.20% ขณะที่บริษัทมีรายได้รวม 264.37 ล้านบาท ลดลง 18.12% สาเหตุหลักที่รายได้ลดลงเป็นผลมาจากโครงการของบริษัทในปี 2551 ส่วนใหญ่เป็นโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนา ประกอบกับการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค
นายธเนศวร์ สิงคาลวณิช กรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ KMC กล่าวว่า ผลขาดทุนสุทธิของบริษัทมีการลดลงเกินกว่า 20% มาอยู่ที่ 364.88 ล้านบาทเทียบกับปี 2550 ขาดทุนสุทธิ 656.25 ล้านบาท สาเหตุหลักที่ขาดทุนลดลง มาจากรายได้จากการขายอสังหาฯ และรายได้บริการของบริษัทในปี 2551 ยอดเพิ่มขึ้นเท่ากับ 1,026.99 ล้านบาท เทียบกับปี 2550 เท่ากับ 644.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 339 ล้านบาท คิดเป็น 45.49% ผลมาจากความสำเร็จในการขายที่อยู่อาศัยแนวสูง โครงการ เดอะคริส และการขายที่ดินของบริษัท
ส่วนของต้นทุนอสังหาฯและต้นทุนบริการ ในปี 2551 มียอดเพิ่มขึ้นจากปีก่อน จำนวน 251 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นเป็น 38.47% อันสืบเนื่องมาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นตลอดจนราคาของวัสดุอุปกรณ์ที่เพิ่มขึ้นรวมทั้งดอกเบี้ยจ่ายที่ถือเป็นต้นทุนของบริษัทฯเพิ่มขึ้น ดังนั้น กำไรขั้นต้นของบริษัทฯมีจำนวน 180 ล้านบาท คิดเป็น 16 .62%
นายจุมพลภัทร์ พูลทรัพย์ ผู้บริหาร แนเชอรัล พาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ N-PARK กล่าวถึงงบการเงินปี 2551 ที่ผ่านมา การตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีว่า บริษัทมีรายได้รวมจำนวน 302.60 ล้านบาท ลดลง 665.31 ล้านบาท หรือลดลง 68.73% สำหรับค่าใช้จ่าย (สุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย) บริษัทมีค่าใช้จ่ายรวมจำนวน 2,104.44 ล้านบาท ลดลง 2,198.46 ล้านบาท หรือลดลง 52.52% ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการบันทึกประมาณการค่าใช้จ่ายจากผลของคดีความจำนวน 448.67 ล้านบาท ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของเงินลงทุนจำนวน 639.83 ล้านบาท และขาดทุนจากการจำหน่ายเงินลงทุนจำนวน 324.52 ล้านบาท ดังนั้น ในปี 2551 จึงมีขาดทุนสุทธิจำนวน 1,801.84 ล้านบาท
ขณะที่ด้านสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 3,343.35 ล้านบาท และหนี้สินรวม 3,296 ล้านบาท และมีส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 47.27 ล้านบาท
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทได้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหา เพื่อให้ฐานะการเงินของบริษัทดีขึ้น โดยเมื่อวันที่ 3 ก.พ.2552 บริษัทได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับบริษัท ไทยสมุทรประกันชีวิต จำกัด และได้ชำระเงินงวดแรกจำนวน 75 ล้านบาท ไปแล้ว คงเหลือเงินที่ต้องชำระภายในเดือนตุลาคม 2552 จำนวน 125 ล้านบาท รวมเป็นเงินที่ต้องชำระทั้งสิ้น 200 ล้านบาท เพื่อยุติคดีแพ่งและคดีล้มละลาย ซึ่งเมื่อบริษัทชำระเงินครบถ้วน จะสามารถลดภาระการตั้งสำรองหนี้สินคดีไทยสมุทรได้ (ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 บริษัทบันทึกประมาณการหนี้สินคดีไทยสมุทรจำนวน 389.80 ล้านบาท)
นอกจากนี้ บริษัทสามารถขายหุ้นเพิ่มทุนได้เป็นเงินรวม 346.98 ล้านบาท (ขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 34,698.79 ล้านหุ้น ที่ราคาเสนอขายหุ้นละ0.01 บาท) และดำเนินการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงทุนชำระแล้วจากทุนชำระเดิมจำนวน 12,086.18 ล้านบาท เป็นทุนชำระแล้ว 46,784.98 ล้านบาท เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 24 ก.พ.2552
บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) “A” แจ้งว่า บริษัทมีผลกำไรสุทธิจำนวน 28.095 ล้านบาท (รวมส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยที่ขาดทุนประมาณ 4 ล้านบาท) เปรียบเทียบกับผลขาดทุนสุทธิจำนวน 78.63 โดยรายได้รวมเพิ่มขึ้นเท่ากับ 851.58 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้น 1.47%
บริษัท เอเวอร์แลนด์ จำกัด (มหาชน) ปี 2551 มีกำไรสุทธิจำนวน 1.09 ล้านบาท เปรียบเทียบกับ ปี 2550 ที่มีกำไรสุทธิ 6.90 ล้านบาท ลดลง 84.20% ขณะที่บริษัทมีรายได้รวม 264.37 ล้านบาท ลดลง 18.12% สาเหตุหลักที่รายได้ลดลงเป็นผลมาจากโครงการของบริษัทในปี 2551 ส่วนใหญ่เป็นโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนา ประกอบกับการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค