DTAC จ่ายเงินปันผลหุ้นละ 1.50 บาท หลังอวดผลงานงวดสิ้นปี 51 กวาดกำไร 9.3 พันล้านบาทหรือเพิ่มเกือบ 60% ส่วนใหญ่เป็นผลจากการบันทึกกำไรจากดีพีซีและรายได้การให้บริการและค่าเชื่อมโครงข่ายสูงขึ้น ส่งผลให้ EBITDA margin โต ขณะที่มีจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นตามเป้าหมาย
นายปรีย์มน ปิ่นสกุล ผู้ช่วยรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการเงินและบัญชี บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) (DTAC) แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 6 ก.พ.52 ว่าบอร์ดมีมติอนุมัติการอนุมัติจ่ายเงินปันผลประจำปี อัตรา 1.50 บาทต่อหุ้น โดยหักภาษี ณ ที่จ่ายตามที่กฎหมายกำหนดแล้วเพื่อกำหนดสิทธิของผู้ถือหุ้นที่จะมีสิทธิได้รับเงินปันผลประจำปี ซึ่งกำหนดจ่ายเงินปันผล วันที่ 25 พ.ค.52 ดังนั้นวันที่ 13 พ.ค. 52 กำหนดให้เป็นวันกำหนดสิทธิของผู้ถือหุ้น สำหรับผู้ถือหุ้นทุกรายที่มีชื่อปรากฏในทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัทในวันดังกล่าวมีมีสิทธิได้รับเงินปันผล และวันที่ 14 พ.ค. 52 กำหนดให้เป็นวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นของบริษัท สำหรับบันทึกรายชื่อผู้ถือหุ้น เพื่อให้เป็นไปตามมาตรา 225 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ทั้งนี้ เป็นผลจากที่บริษัทแจ้งงบงวดสิ้นปี 51 สิ้นสุด 31 ธ.ค. 51 พบว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 9,329.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 5,841.42 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 3,487.68 ล้านบาท คิดเป็น 59.70 % แม้จำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศจะชะลอตัวลง แต่อัตราส่วนผู้ใช้บริการดังกล่าวต่อประชากรรวมยังคงผ่าน 95% ไปได้ ดีแทคมีจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นสุทธิทั้งปี 2.9 ล้านราย ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ แม้อัตราการขยายตัวจะลดลงช่วงปลายปี การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ใช้บริการเป็นผลจากการขยายเครือข่ายในพื้นที่ต่างจังหวัด และการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้นในส่วนของการโทรในเครือข่าย ซึ่งส่งผลให้รายได้จากการให้บริการชะลอตัว
สำหรับสถานการณ์การเมืองในประเทศที่ไม่แน่นอนและวิกฤตการเงินโลกส่งผลโดยตรงกับภาวะเศรษฐกิจในไทย ทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาคธุรกิจอยู่ในระดับต่ำตลอดทั้งปี แต่ภาวะการแข่งขันในอุตสาหกรรมก็ยังคงไม่รุนแรงเท่ากับในอดีตเนื่องจากการเริ่มใช้การเชื่อมต่อโครงข่าย (IC) ในต้นปี 50
นอกจากนี้ เมื่อ 30 พ.ค. 51 ดีแทคได้บรรลุข้อตกลงอย่างฉันท์มิตร เพื่อเข้าทำสัญญาประนีประนอมยอมความ 3 พันล้านบาท กับ บริษัท ดิจิตอล โฟน จำกัด ( ดีพีซี ) ส่งผลให้ดีแทคบันทึกกำไรก่อนภาษีจากธุรกรรมนี้ 2.4 พันล้านบาท บวกกับปี 51 ดีแทคมีจำนวนผู้ใช้บริการสุทธิเพิ่มขึ้น ส่งผลให้จำนวนผู้ใช้บริการรวมทั้งหมดเกือบ 19 ล้านบาท ทำให้รายได้เพิ่มขึ้นเพราะรายได้ค่าเชื่อมต่อโครงข่ายที่มากขึ้น สำหรับ EBITDA เพิ่มขึ้น 22.8 % จากปีก่อน ส่วนใหญ่จากการบันทึกกำไรจากดีพีซีและ 10 % หากไม่รวมกำไรจากดีพีซี เนื่องจากรายได้การให้บริการเพิ่มขึ้น และค่าเชื่อมต่อโครงข่ายสุทธิปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้ EBITDA margin เพิ่ม ส่วนต้นทุนการให้บริการเพิ่มขึ้นทั้งด้านการผลิตและต้นทุนเครือข่ายระหว่างประเทศ ส่วนต้นทุนอื่นลดลงส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและการตลาดลดลง จากค่าใช้จ่ายในการทำการตลาดสำหรับ Branding ส่วนค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่ม และค่าสำรองหนี้สงสัยจะสูญและค่าเสื่อมราคาตัดจำหน่ายลดลง
นายปรีย์มน ปิ่นสกุล ผู้ช่วยรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการเงินและบัญชี บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) (DTAC) แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 6 ก.พ.52 ว่าบอร์ดมีมติอนุมัติการอนุมัติจ่ายเงินปันผลประจำปี อัตรา 1.50 บาทต่อหุ้น โดยหักภาษี ณ ที่จ่ายตามที่กฎหมายกำหนดแล้วเพื่อกำหนดสิทธิของผู้ถือหุ้นที่จะมีสิทธิได้รับเงินปันผลประจำปี ซึ่งกำหนดจ่ายเงินปันผล วันที่ 25 พ.ค.52 ดังนั้นวันที่ 13 พ.ค. 52 กำหนดให้เป็นวันกำหนดสิทธิของผู้ถือหุ้น สำหรับผู้ถือหุ้นทุกรายที่มีชื่อปรากฏในทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัทในวันดังกล่าวมีมีสิทธิได้รับเงินปันผล และวันที่ 14 พ.ค. 52 กำหนดให้เป็นวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นของบริษัท สำหรับบันทึกรายชื่อผู้ถือหุ้น เพื่อให้เป็นไปตามมาตรา 225 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ทั้งนี้ เป็นผลจากที่บริษัทแจ้งงบงวดสิ้นปี 51 สิ้นสุด 31 ธ.ค. 51 พบว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 9,329.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 5,841.42 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 3,487.68 ล้านบาท คิดเป็น 59.70 % แม้จำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศจะชะลอตัวลง แต่อัตราส่วนผู้ใช้บริการดังกล่าวต่อประชากรรวมยังคงผ่าน 95% ไปได้ ดีแทคมีจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นสุทธิทั้งปี 2.9 ล้านราย ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ แม้อัตราการขยายตัวจะลดลงช่วงปลายปี การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ใช้บริการเป็นผลจากการขยายเครือข่ายในพื้นที่ต่างจังหวัด และการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้นในส่วนของการโทรในเครือข่าย ซึ่งส่งผลให้รายได้จากการให้บริการชะลอตัว
สำหรับสถานการณ์การเมืองในประเทศที่ไม่แน่นอนและวิกฤตการเงินโลกส่งผลโดยตรงกับภาวะเศรษฐกิจในไทย ทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาคธุรกิจอยู่ในระดับต่ำตลอดทั้งปี แต่ภาวะการแข่งขันในอุตสาหกรรมก็ยังคงไม่รุนแรงเท่ากับในอดีตเนื่องจากการเริ่มใช้การเชื่อมต่อโครงข่าย (IC) ในต้นปี 50
นอกจากนี้ เมื่อ 30 พ.ค. 51 ดีแทคได้บรรลุข้อตกลงอย่างฉันท์มิตร เพื่อเข้าทำสัญญาประนีประนอมยอมความ 3 พันล้านบาท กับ บริษัท ดิจิตอล โฟน จำกัด ( ดีพีซี ) ส่งผลให้ดีแทคบันทึกกำไรก่อนภาษีจากธุรกรรมนี้ 2.4 พันล้านบาท บวกกับปี 51 ดีแทคมีจำนวนผู้ใช้บริการสุทธิเพิ่มขึ้น ส่งผลให้จำนวนผู้ใช้บริการรวมทั้งหมดเกือบ 19 ล้านบาท ทำให้รายได้เพิ่มขึ้นเพราะรายได้ค่าเชื่อมต่อโครงข่ายที่มากขึ้น สำหรับ EBITDA เพิ่มขึ้น 22.8 % จากปีก่อน ส่วนใหญ่จากการบันทึกกำไรจากดีพีซีและ 10 % หากไม่รวมกำไรจากดีพีซี เนื่องจากรายได้การให้บริการเพิ่มขึ้น และค่าเชื่อมต่อโครงข่ายสุทธิปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้ EBITDA margin เพิ่ม ส่วนต้นทุนการให้บริการเพิ่มขึ้นทั้งด้านการผลิตและต้นทุนเครือข่ายระหว่างประเทศ ส่วนต้นทุนอื่นลดลงส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและการตลาดลดลง จากค่าใช้จ่ายในการทำการตลาดสำหรับ Branding ส่วนค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่ม และค่าสำรองหนี้สงสัยจะสูญและค่าเสื่อมราคาตัดจำหน่ายลดลง