บ้านปู งวดนี้กวาดกำไร 9,228 ล้านบาท สูงขึ้นจากปีก่อนที่ทำไว้ 2,573 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 39 % ผลจากธุรกิจถ่านหินที่มีราคาขายเฉลี่ยปรับสูงขึ้นที่ 72 เหรียญสหรัฐต่อตันหรือเพิ่มขึ้น 75% จากปี 50 บอร์ดอนุมัติจ่ายปันผลหุ้นละ 12 บาท และปันผลระหว่างกาลแล้วหุ้นละ 7 บาท คงเหลือจ่ายอีกหุ้นละ 5 บาท กำหนดจ่าย 30 เม.ย.นี้
นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) (BANPU) แจ้งผลการดำเนินงานสิ้นปี 51 มีกำไรสุทธิ 9,228 ล้านบาท เพิ่มจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 6,654.42 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 38.70% โดยเป็นรายได้จากแบ่งเป็นกำไรสุทธิจากธุรกิจถ่านหิน 6,326 ล้านบาท และ 2,902 ล้านบาทจากธุรกิจไฟฟ้า หรือคิดเป็น 68.5% และ31.5 % ของกำไรสุทธิทั้งหมดตามลำดับ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงผลประกอบการของธุรกิจถ่านหินที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นผลมาจากราคาขายถ่านหินเฉลี่ยที่ปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับความสำเร็จจากการซื้อหุ้นของบริษัท อเมริกัน โคล อิงค์ (Asian American Coal Inc. – AACI) เมื่อกลางปีที่แล้วมีส่วนช่วยเสริมให้กำไรจากธุรกิจถ่านหินจากสาธารณรัฐประชาชนจีนสูงขึ้นด้วย
"ราคาขายถ่านหินเฉลี่ยที่สูงขึ้น มีส่วนสำคัญในการผลักดันอัตรากำไรขั้นต้น(มาร์จิน)จากธุรกิจถ่านหินปรับตัวสูงขึ้นเป็น 48 % จาก 37% ใ นปีก่อนหน้า ท่ามกลางภาวะต้นทุนที่สูงขึ้นทั้งราคาน้ำมันดีเซลและต้นทุนการทำเหมือง ขณะที่ธุรกิจถ่านหินในจีน เหมืองถ่านหินต้าหนิงและเฮ่อปี้สร้างกำไรเป็นเงิน 1,781 ล้านบาท หรือสูงขึ้นกว่า 4 เท่าจากปีก่อนหน้า เป็นผลจากทั้งราคาขายถ่านหินในประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้น และการรวมงบการเงินของ AACI ตั้งแต่ครึ่งปีหลัง 51 " นายชนินท์กล่าว
โดยปี 51 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวม 50,530 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 18,088 ล้านบาท หรือ 56 % แบ่งเป็นรายได้จากการจำหน่ายถ่านหิน 45,976 ล้านบาท คิดเป็น 91 % ของรายได้จากการขายรวม ซึ่งมาจากการขายถ่านหินจากเหมืองถ่านหินในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย 45,599 ล้านบาท และจากเหมืองถ่านหินในไทย 377 ล้านบาท รายได้จากธุรกิจไฟฟ้าและไอน้ำจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมในจีนมี 4,460 ล้านบาท หรือคิดเป็น 9 %ของรายได้จากการขายรวม
"ในปี 51 ที่ผ่านมาธุรกิจไฟฟ้ามีส่วนเสริมรายได้ให้แก่บริษัทฯ น้อยลงกว่าปีก่อนโดยมีการบันทึกกำไรจากโรงไฟฟ้า BLCP 3,165 ล้านบาท ลดลง 22 % จาก 4,076 ล้านบาทในปีก่อนหน้า เป็นผลจากการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 202 ล้านบาท ในขณะเดียวกัน ธุรกิจไฟฟ้าในจีนก็ประสบปัญหาจากราคาขายไฟฟ้าที่ถูกควบคุมโดยรัฐบาลในขณะที่ต้นทุนราคาถ่านหินปรับตัวสูงขึ้นตามสภาวะตลาด จึงทำให้กำไรจากโรงไฟฟ้าในจีนลดเหลือ 160 ล้านบาท " นายชนินท์กล่าวเพิ่มเติม
สำหรับปริมาณการจำหน่ายถ่านหิน ในปี 51 มีทั้งสิ้น 18.5 ล้านตัน ลดลง 0.8 ล้านตัน หรือ 4% จากปีก่อนหน้า เป็นผลจากปริมาณสำรองถ่านหินของเหมืองในประเทศไทยปรับลดลง และการผลิตของเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซียประสบกับปัญหาภาวะฝนตกหนักมากที่สุดอีกปีหนึ่ง
อย่างไรก็ดี มติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท จึงมีมติให้จ่ายเงินปันผลประจำปี 52 ในอัตราหุ้นละ 12 บาท ซึ่งได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วหุ้นละ 7 บาท เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 51 คงเหลือจ่ายในงวดนี้อีกหุ้นละ 5 บาท จึงเสนอให้บริษัทฯ จ่ายเงินปันผลจากกำไรสะสมและผลการดำเนินงานงวดวันที่ 1 กรกฎาคม 51 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 51 ในอัตราหุ้นละ 5 บาท โดยจ่ายจากกำไรที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคล ซึ่งผู้รับเงินปันผลจะไม่ได้รับเครดิตภาษี
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้กำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลในงวดนี้ในวันที่ 16 เมษายน 52 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 30 เมษายน 52 และกำหนดวันประชุมสามัญ ผู้ถือหุ้นประจำปี 52 ในวันศุกร์ที่ 3 เมษายน 52 และะกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อกำหนดสิทธิของผู้ถือหุ้นในการเข้าประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี52 ในวันที่ 16 มีนาคม 52 เป็นต้นไปจนกว่าการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 52 จะแล้วเสร็จ
นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) (BANPU) แจ้งผลการดำเนินงานสิ้นปี 51 มีกำไรสุทธิ 9,228 ล้านบาท เพิ่มจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 6,654.42 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 38.70% โดยเป็นรายได้จากแบ่งเป็นกำไรสุทธิจากธุรกิจถ่านหิน 6,326 ล้านบาท และ 2,902 ล้านบาทจากธุรกิจไฟฟ้า หรือคิดเป็น 68.5% และ31.5 % ของกำไรสุทธิทั้งหมดตามลำดับ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงผลประกอบการของธุรกิจถ่านหินที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นผลมาจากราคาขายถ่านหินเฉลี่ยที่ปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับความสำเร็จจากการซื้อหุ้นของบริษัท อเมริกัน โคล อิงค์ (Asian American Coal Inc. – AACI) เมื่อกลางปีที่แล้วมีส่วนช่วยเสริมให้กำไรจากธุรกิจถ่านหินจากสาธารณรัฐประชาชนจีนสูงขึ้นด้วย
"ราคาขายถ่านหินเฉลี่ยที่สูงขึ้น มีส่วนสำคัญในการผลักดันอัตรากำไรขั้นต้น(มาร์จิน)จากธุรกิจถ่านหินปรับตัวสูงขึ้นเป็น 48 % จาก 37% ใ นปีก่อนหน้า ท่ามกลางภาวะต้นทุนที่สูงขึ้นทั้งราคาน้ำมันดีเซลและต้นทุนการทำเหมือง ขณะที่ธุรกิจถ่านหินในจีน เหมืองถ่านหินต้าหนิงและเฮ่อปี้สร้างกำไรเป็นเงิน 1,781 ล้านบาท หรือสูงขึ้นกว่า 4 เท่าจากปีก่อนหน้า เป็นผลจากทั้งราคาขายถ่านหินในประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้น และการรวมงบการเงินของ AACI ตั้งแต่ครึ่งปีหลัง 51 " นายชนินท์กล่าว
โดยปี 51 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวม 50,530 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 18,088 ล้านบาท หรือ 56 % แบ่งเป็นรายได้จากการจำหน่ายถ่านหิน 45,976 ล้านบาท คิดเป็น 91 % ของรายได้จากการขายรวม ซึ่งมาจากการขายถ่านหินจากเหมืองถ่านหินในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย 45,599 ล้านบาท และจากเหมืองถ่านหินในไทย 377 ล้านบาท รายได้จากธุรกิจไฟฟ้าและไอน้ำจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมในจีนมี 4,460 ล้านบาท หรือคิดเป็น 9 %ของรายได้จากการขายรวม
"ในปี 51 ที่ผ่านมาธุรกิจไฟฟ้ามีส่วนเสริมรายได้ให้แก่บริษัทฯ น้อยลงกว่าปีก่อนโดยมีการบันทึกกำไรจากโรงไฟฟ้า BLCP 3,165 ล้านบาท ลดลง 22 % จาก 4,076 ล้านบาทในปีก่อนหน้า เป็นผลจากการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 202 ล้านบาท ในขณะเดียวกัน ธุรกิจไฟฟ้าในจีนก็ประสบปัญหาจากราคาขายไฟฟ้าที่ถูกควบคุมโดยรัฐบาลในขณะที่ต้นทุนราคาถ่านหินปรับตัวสูงขึ้นตามสภาวะตลาด จึงทำให้กำไรจากโรงไฟฟ้าในจีนลดเหลือ 160 ล้านบาท " นายชนินท์กล่าวเพิ่มเติม
สำหรับปริมาณการจำหน่ายถ่านหิน ในปี 51 มีทั้งสิ้น 18.5 ล้านตัน ลดลง 0.8 ล้านตัน หรือ 4% จากปีก่อนหน้า เป็นผลจากปริมาณสำรองถ่านหินของเหมืองในประเทศไทยปรับลดลง และการผลิตของเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซียประสบกับปัญหาภาวะฝนตกหนักมากที่สุดอีกปีหนึ่ง
อย่างไรก็ดี มติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท จึงมีมติให้จ่ายเงินปันผลประจำปี 52 ในอัตราหุ้นละ 12 บาท ซึ่งได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วหุ้นละ 7 บาท เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 51 คงเหลือจ่ายในงวดนี้อีกหุ้นละ 5 บาท จึงเสนอให้บริษัทฯ จ่ายเงินปันผลจากกำไรสะสมและผลการดำเนินงานงวดวันที่ 1 กรกฎาคม 51 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 51 ในอัตราหุ้นละ 5 บาท โดยจ่ายจากกำไรที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคล ซึ่งผู้รับเงินปันผลจะไม่ได้รับเครดิตภาษี
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้กำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลในงวดนี้ในวันที่ 16 เมษายน 52 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 30 เมษายน 52 และกำหนดวันประชุมสามัญ ผู้ถือหุ้นประจำปี 52 ในวันศุกร์ที่ 3 เมษายน 52 และะกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อกำหนดสิทธิของผู้ถือหุ้นในการเข้าประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี52 ในวันที่ 16 มีนาคม 52 เป็นต้นไปจนกว่าการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 52 จะแล้วเสร็จ
