xs
xsm
sm
md
lg

RATCHร่วมทุนโรงไฟฟ้าพลังลม แจงปีนี้จ่ายภาษีพุ่งฉุดกำไรหด5%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – ผลิตไฟฟ้าราชบุรีฯยอมรับกำไรปีนี้หด 5% เหตุมีค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคลพุ่งขึ้น 700 ล้านบาทหลังสิทธิประโยชน์บีโอไอหมด และการซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้า เผยปีนี้ใส่งบลงทุน 4,500 ล้านบาทลงทุนโครงการต่างประเทศต่อเนื่อง รวมทั้งเบนเข็มลงทุนSPP-VSPP ในประเทศ ล่าสุด ร่วมลงทุนโรงไฟฟ้าพลังลมเชิงพาณิชย์รายแรกของไทยและรายใหญ่สุดในอาเซียน คาดว่าจะจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2554 หลังความต้องการใช้ไฟฟ้าในประเทศหดตัวลง

นายนพพล มิลินทางกูร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)(RATCH) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯจะมีรายได้ต่ำกว่าปีก่อนเล็กน้อย ส่วนกำไรสุทธิอาจลดลงบ้างประมาณ 5 % จากปี 2551 ที่มีกำไรสุทธิ 6,492.90 ล้านบาท เนื่องจากปีนี้โรงไฟฟ้าพลังความร้อนหมดสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีจากบีโอไอ ทำให้บริษัทฯมีภาระเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเป็น 700 ล้านบาท และมีค่าใช้จ่ายในการปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้นด้วย
“ แม้ว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จะมีการสั่งให้หยุดผลิตไฟฟ้าในโรงไฟฟ้าพลังความร้อนตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ตามความต้องการใช้ไฟฟ้าที่ลดลง แต่เนื่องจากเป็นสัญญาที่ผูกพัน ทำให้ค่า APต่อหน่วยเพิ่มขึ้นแม้ว่าจะเดินเครื่องน้อยลง จึงไม่กระทบต่อรายได้ และปีนี้โรงไฟฟ้าราชบุรีเพาเวอร์จะเดินเครื่องได้ตลอดทั้งปี”
ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจในปี2552 บริษัทฯเน้นการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยจะแสวงหาพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อร่วมลงทุนโครงการใหม่ๆที่มีศักยภาพ โดยโครงการในประเทศจะเน้นขยายการลงทุนสู่โรงไฟฟ้าเอกชนขนาดเล็ก(SPP)และโครงการผลิตไฟฟ้าพลังหมุนเวียนขนาดเล็กมาก (VSPP)มากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจและความต้องการใช้ไฟฟ้าที่หดตัวลง
นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งแสวงหาการลงทุนโรงไฟฟ้าในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ เช่นโครงการผลิตไฟฟ้าเอกชนขนาดใหญ่ (ไอพีพี)และโครงการเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซียและเวียดนาม เพื่อลดต้นทุนด้านเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า พบว่ายังมีความต้องการใช้ไฟฟ้าในอินโดนีเซียหลายหมื่นเมกกะวัตต์
ทั้งนี้บริษัทฯวางแผนงบการลงทุนในปีนี้ประมาณ 4,500 ล้านบาท เม็ดเงินงบลงทุนสูงกว่าปีก่อนถึง 3,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าต่อเนื่องอาทิ โครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนหงสา โครงการโรงไฟฟ้าน้ำงึม3 โครงการโรงไฟฟ้าเซเปียน-เซน้ำน้อย ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาในสัญญาสัมปทานกับลาวและราคาซื้อไฟฟ้ากับกฟผ. คาดว่าจะสามารถลงนามสัญญาได้ภายในปีนี้ ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 ก่อสร้างไปแล้ว 71 % คาดว่าจะผลิตไฟฟ้าได้ทันตามกำหนด 2556
สำหรับแหล่งเงินทุนนั้น บริษัทฯมีความพร้อมด้านการเงิน โดยมีเงินทุนหมุนเวียน 10,622 ล้านบาท ดังนั้น ในปีนี้จึงไม่มีแผนที่จะออกหุ้นกู้ แม้ว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯจะอนุมติให้ออกหุ้นกู้ได้ 7,000 ล้านบาทก็ตาม
นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีแผนจะรีไฟแนนซ์หนี้เดิมที่มีอยู่ 2.2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำ คาดว่าปีนี้ภาระหนี้บริษัทฯจะลดลงเหลือ 1.9 หมื่นล้านบาท

ร่วมลงทุนโรงไฟฟ้าพลังลม
วานนี้ (18ก.พ.) บริษัทผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด(มหาชน)ได้ร่วมลงนามซื้อขายหุ้นและสัญญาระหว่างผู้ถือหุ้นกับบริษัท รีนิวเอเบิล เอนเนอยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด เพื่อพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าจากลมในจังหวัดเพชรบูรณ์ กำลังการผลิต 60 เมกะวัตต์ มูลค่าเงินลงทุน 4,300 ล้านบาท โดยผลิตไฟฟ้าราชบุรีฯถือหุ้น 26%
โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลม จะเป็นการติดตั้งกังหันลมแบบทุ่งกันหันลม (WIND FARM) 30 ต้น แต่ละต้นมีกำลังการผลิตติดตั้ง 2 เมกะวัตต์ ในพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม เข้าค้อ จ.เพชรบูรณ์ คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ประมาณเดือน ต.ค. 2552 และผลิตไฟฟ้าเข้าระบบได้ประมาณปี 2554 นับเป็นโครงการผลิตไฟฟ้าพลังลมเชิงพาณิชย์รายแรกของไทยและรายใหญ่ที่สุดในอาเซียน
โครงการนี้จะลดปัญหาภาวะเรือนกระจกโดยลดการผลิตก๊าซคอร์บอนไดออกไซด์ประมาณ 63,500 ตันต่อปี ลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลจากน้ำมันเตา 32 ล้านลิตรต่อปี คิดเป็นเงิน 560 ล้านบาท
“ จากภาวะความต้องการใช้ไฟฟ้าที่หดตัว ทำให้บริษัทผลิตไฟฟ้าต้องชะลอโครงการขนาดใหญ่ แล้วหันมาสร้างโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก ซึ่งพลังงานลมได้รับเงินอุดหนุนจากกองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน 3.50 บาทต่อหน่วย จึงคุ้มค่าต่อการลงทุน และบริษัทยังหาช่องทางผลิตไฟฟ้ารูปแบบอื่น ๆ เช่น ขยะ เป็นต้น” นายนพพล กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทฯได้เข้าไปซื้อหุ้นร่วมทุนบริษัท ซัสเทนเอเบิล เอนเนอยี คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นผู้ดำเนินโครงการดังกล่าวและเป็นบริษัทย่อยของรีนิวเอเบิล เอนเนอยีฯ โดยบริษัทฯใช้เงินลงทุนประมาณ 500 ล้านบาทในการซื้อหุ้น 26%
สำหรับผลการดำเนินการปี 2551 บริษัทและบริษัทย่อย มีรายได้รวม 43,801.85 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 4.93% มีกำไรสุทธิรวม 6,492.90 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อน 11.38% คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 4.48 บาท โดยคณะกรรมการบริษัทฯมีมติให้จ่ายเงินปันผล 2.20 บาทต่อหุ้น ซึ่งบริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้ว 1.10 บาท จึงเหลือเงินปันผลในงวดนี้ 1.10 บาทต่อหุ้น กำหนดจ่าย 24 เม.ย. 2552
กำลังโหลดความคิดเห็น