บอร์ดโลจิสติกส์ อนุมัติกรอบวงเงินลงทุนพัฒนาระบบเบื้องต้นกว่า 6.8 แสนล้านบาท ตามแผนยุทธศาสตร์ปี 52-56 เพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐานตามแผนพัฒนาประเทศระยะกลาง พร้อมเห็นชอบ 5 ยุทธศาสตร์
คณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.) ที่มีนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่ประธานการประชุม อนุมัติกรอบวงเงินลงทุนเบื้องต้นในการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ช่วงปี 2552-2556 ประมาณ 676,065 ล้านบาท สำหรับลงทุนใน 5 ประเด็นยุทธศาสตร์ภายใต้แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของไทย พ.ศ.2552-2554 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบขนส่งและโลจิสติกส์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานภายใต้กรอบแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะกลาง
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบ 5 ยุทธศาสตร์ คือ การปรับปรุงประสิทธิภาพระบบโลจิสติกส์ในภาคการผลิต การเพิ่มประสิทธิภาพระบบขนส่งโลจิสติกส์ การพัฒนาธุรกิจโลจิสติกส์ การปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกทางการค้า และการพัฒนากำลังคน และข้อมูลให้มีความคืบหน้าไปได้ในระดับหนึ่ง
สำหรับแนวทางการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ ได้แก่ การแก้ไขปัญหาระยะสั้นของธุรกิจการให้บริการโลจิสติกส์ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจหดตัวของภาคการส่งออกในปัจจุบัน โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเตรียมมาตรการรองรับแก่ผู้ประกอบการโลจิสติกส์ โดยเฉพาะกับเอสเอ็มอีในเรื่องสภาพคล่อง การรักษาสถานภาพการจ้างงาน และการผึกอบรมเช่นเดียวกับอุตสาหกรรมและธุรกิจบริการ
เร่งรัดการลงทุนที่ได้รับการอนุมัติแล้ว และอยู่ระหว่างการดำเนินการ เช่น การก่อสร้างทางคู่ เส้นทางสายตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา-ศรีราชา-แหลมฉบัง การจัดหาหัวรถจักร 7 คันและแคร่บรรทุกสินค้า 308 คัน การก่อสร้างท่าเรือเชียงแสนและจัดตั้งระบบ NSW เป็นต้น
เร่งรัดโครงการลงทุนใหม่ที่อยู่ภายใต้แผนยุทธศาสตร์โดยเฉพาะรถไฟทางคู่ในเส้นทางที่มีการขนส่งหนาแน่น การบูรณะ บำรุงเส้นทางเดินรถไฟ ก่อสร้าง ICD พัฒนาทาเทียบเรือชายฝั่ง พัฒนาโครงข่ายทางหลวงและ มอร์เตอร์เวย์ และพัฒนาท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิเป็นต้น และการปรับปรุงด้านการบริหารจัดการ กฎระเบียบ บุคลากร และระบบข้อมูลโลจิสติกส์
สำหรับการดำเนินโครงการลงทุนใหม่นั้นจะต้องพิจารณาตามลำดับความสำคัญของโครงการทีมีหลักการพิจารณา คือ จะต้องเป็นโครงการที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการโลจิสติกส์ และการสนับสนุนการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เป็นโครงการที่มีความพร้อมและสามารถที่จะดำเนินการได้ทันที และเป็นโครงการที่ก่อให้เกิดการจ้างงานและการใช้วัตถุดิบวัสดุอุปกรณ์ภายในประเทศเป็นส่วนใหญ่
ที่ประชุมยังรับทราบดัชนีโลจิสติกส์ ในปี 2550 ของธนาคารโลก ซึ่งได้ประเมินใน 7 ด้าน พบว่า ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 31 จาก 150 ประเทศ ขณะที่ประเทศสิงคโปร์ และมาเลเซีย อยู่ในอันดับที่ 1 และ 27 โดยในปี 2550 ต้นทุนโลจิสติกส์ของประเทศไทยอยู่ในระดับ 18.9% ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (GDP) ซึ่งยังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศพัฒนาแล้ว ซึ่งอยู่ในระดับ 9-11 ที่ประชุม จึงเห็นว่า ควรพิจารณาองค์ประกอบต้นทุนโลจิสติกส์ในรายละเอียดและเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ เพื่อให้ทราบว่าต้นทุนส่วนใดของไทยที่สูงกว่าประเทศอื่นๆ