ก.พาณิชย์ ระบุ ในปีนี้ตั้งเป้าปั้นเอสเอ็มอีพันธุ์แกร่งเป็นหัวหอกนำสินค้าไทยไปสู่ตลาดโลกไม่ต่ำกว่า 500 ราย เจาะตลาดเป้าหมาย เช่น อาเซียน จีน อินเดีย ตะวันออกกลาง เผยเน้นสาขาธุรกิจแฟรนไชส์ ธุรกิจอาหาร ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจสิ่งพิมพ์ ธุรกิจสุขภาพ และธุรกิจรักษาพยาบาล เป็นต้น
นายคณิสสร นาวานุเคราะห์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวในการเปิดงานสัมมนาเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก (เอสเอ็มอีไทย) สู่สากล เพื่อเจาะตลาดต่างประเทศให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งกรมพัฒนาธุรกิจการค้า จัดร่วมกับกรมส่งเสริมการส่งออกว่า กลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีไทยมีสัดส่วนประมาณ 30% ของการส่งออกทั้งหมด โดยมีผู้ประกอบการจำนวนหลายแสนราย
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา เอสเอ็มอีไทยกลุ่มส่งออก ยังขาดความเข้มแข็ง ความรู้ และประสบการณ์ในการทำตลาดต่างประเทศ ดังนั้น หน่วยงานภาครัฐ พยายามส่งเสริมและสร้างกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพเพื่อบุกตลาดต่างประเทศ ที่ผ่านมา สามารถสร้างผู้ประกอบการที่มีศักยภาพพร้อมส่งออกสินค้าสู่ต่างประเทศได้แล้วกว่า 300 ราย และปีนี้ (2552) ตั้งเป้าว่า จะผลักดันสร้างผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรายใหม่เพื่อเป็นหักหอกในการส่งออก อีกกว่า 500 ราย สำหรับกลุ่มประเทศเป้าหมาย ได้แก่ อาเซียน จีน อินเดีย ตะวันออกกลาง เพราะประเทศเหล่านี้ยังต้องการสินค้าไทยอีกมาก
ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีไทยที่อยู่ในกลุ่มเป้าหมายทำตลาดต่างประเทศนั้น ได้แก่ ธุรกิจแฟรนไชส์ ธุรกิจอาหาร ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจสิ่งพิมพ์ ธุรกิจสุขภาพ ธุรกิจรักษาพยาบาล และอีกหลายธุรกิจ จึงเชื่อว่าจากการที่ภาครัฐโดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ร่วมมือกันที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสร้างจุดแข็งและทำตลาดในต่างประเทศภายใน 3-5 ปีจะมีเอสเอ็มอีไทยจำนวนมากเข้าไปทำตลาดในต่างประเทศ
นอกจากนั้น เพื่อเตรียมพร้อมรองรับสถานการณ์วิกฤติเศรษฐกิจโลก กระทรวงพาณิชย์มีนโยบายเร่งด่วน 5 ด้าน คือ มาตรการสร้างคุณภาพสินค้า มาตรการราคาและลดต้นทุนสินค้า มาตรการด้านการตลาด มาตรการการสื่อสารสร้างภาพลักษณ์ให้แก่สินค้าไทย และมาตรการส่งเสริมผู้ประกอบธุรกิจส่งออก โดยเฉพาะช่วยแก้ปัญหาขาดคำสั่งซื้อชั่วคราว