ซิงเกิ้ล พอยท์พาร์ท ฯ เบนข็มลุยลงทุนหุ้น ไอพีโอ หวังหนุนธุรกิจ เหตุให้ผลตอบแทนการลงทุน 10% หลังชะลอขยายกำลังผลิตเหตุออร์เดอร์ลด ยันจ่ายปันผลงวดครึ่งปีหลัง52 แม้ได้รับผลกระทบพิษเศรษฐกิจ ฟุ้งยังกำไรดี –มีกระแสเงินสด 50 ล้านบาท "ประพจน์" ตรียมดันสเปเชียลตี้ เทค เข้าตลาด เอ็มเอไอ
นายประพจน์ พลพิพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์พาร์ท (ประเทศไทย)จำกัด (มหาชน) หรือ SPPT เปิดเผยว่าบริษัทมีแผนจะเข้าไปลงทุนในลักษณะผู้ถือหุ้นบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งกำลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) ซึ่ง SPPT เข้าถือหุ้นก่อนที่บริษัทแห่งนี้จะเสนอขายหุ้นIPO โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาเข้าไปลงทุน คาดสรุปได้ไตรมาส 2 นี้
เนื่องจากบริษัทดังกล่าวมีกำไรดีและให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง โดยบริษัทคาดว่าจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนครั้งนี้ประมาณ 10% อีกทั้งบริษัทแห่งนี้สามารถช่วยสนับสนุนธุรกิจหลักของSPPT คือด้านการผลิตชิ้นส่วนที่นำไปประกอบเป็นฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ โดยเงินลงทุนจะมาจากกระแสเงินสดที่ปัจจุบันมีอยู่ 50ล้านบาท
" ปีนี้บริษัทชะลอแผนลงทุนเครื่องจักร เพราะ ปัจจุบันใช้กำลังการผลิตเพียง 70% ซึ่งลดลง 30% จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอทำให้ออร์เดอร์ลูกค้าปรับตัวลดลง และเราก็หันไปลงทุนหุ้นIPO ดังกล่าว และ จะสนับสนุนธุรกิจหลักของบริษัทและมีกำไรดี"นายประพจน์ กล่าว
สำหรับนแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ไม่ดีนั้นส่งผลให้หุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ไม่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเข้ามาซื้อขายนั้น รวมทั้งหุ้นของบริษัทที่นักลงทุนไม่ปล่อยหุ้นออกมา อาจเพราะมีการจ่ายปันผลต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิและจ่ายปีละ 2 ครั้ง โดยครึ่งปีแรกปี51 จ่ายแล้ว 0.12บาท และครั้งต่อไป ก.ค.52นี้
นายประพจน์ กล่าวว่า ยอดขายไตรมาสแรกปีนี้ลดลง แต่เชื่อว่าจะหลัง เม.ย.เป็นต้นไปยอดขายจะขยับเพิ่ม เพราะออร์เดอร์เพิ่ม ส่งผลต่อผลงานครึ่งแรกปี 52 ไม่ดีแต่จะฟื้นตัวครึ่งปีหลังบวกกับราคาวัตถุดิบที่ปรับลดลง อีกทั้งรับรู้รายได้จาก " ซิงกิ้ล พอยท์ เอ็นเนอร์ยี่ แอนด์ เอ็นไวรอนเม้นท์ " หรือ SPEE บริษัทย่อยที่จำหน่ายเครื่องจักรแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมันดิบ ซึ่งจะมีรายได้ปีนี้ 100 ล้านบาทต่อปี ขณะนี้มีผู้ติดต่อจะซื้อเครื่องอีก 3 เครื่อง ซึ่งจะสร้างรายได้เพิ่มอีก 180 ล้านบาท โดยหากขายได้จะทำให้รับรู้รายได้ในปีนี้รวม 280 ล้านบาท ส่งผลให้SPPT มีรายได้ใกล้เคียงกับปี 51
อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัว นายประพจน์ ได้ถือหุ้นในบริษัท สเปเชียลตี้ เทค สัดส่วน 60 % ซึ่งมีแผนเข้าจดทะเบียนในmai ขณะนี้แต่งตั้งบริษัท แคปปิตอล แอ๊ดแวนเทจ เป็นที่ปรึกษาการเงิน โดยจะยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง)ช่วงไตรมาส3 ปีนี้ เพื่อเพิ่มทุน 59 ล้านหุ้น ทำให้ทุนจดทะเบียนเพิ่มเป็น 188 ล้านหุ้น จากปัจจุบันอยู่ที่ 129 ล้านบาท
นายประพจน์ พลพิพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์พาร์ท (ประเทศไทย)จำกัด (มหาชน) หรือ SPPT เปิดเผยว่าบริษัทมีแผนจะเข้าไปลงทุนในลักษณะผู้ถือหุ้นบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งกำลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) ซึ่ง SPPT เข้าถือหุ้นก่อนที่บริษัทแห่งนี้จะเสนอขายหุ้นIPO โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาเข้าไปลงทุน คาดสรุปได้ไตรมาส 2 นี้
เนื่องจากบริษัทดังกล่าวมีกำไรดีและให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง โดยบริษัทคาดว่าจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนครั้งนี้ประมาณ 10% อีกทั้งบริษัทแห่งนี้สามารถช่วยสนับสนุนธุรกิจหลักของSPPT คือด้านการผลิตชิ้นส่วนที่นำไปประกอบเป็นฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ โดยเงินลงทุนจะมาจากกระแสเงินสดที่ปัจจุบันมีอยู่ 50ล้านบาท
" ปีนี้บริษัทชะลอแผนลงทุนเครื่องจักร เพราะ ปัจจุบันใช้กำลังการผลิตเพียง 70% ซึ่งลดลง 30% จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอทำให้ออร์เดอร์ลูกค้าปรับตัวลดลง และเราก็หันไปลงทุนหุ้นIPO ดังกล่าว และ จะสนับสนุนธุรกิจหลักของบริษัทและมีกำไรดี"นายประพจน์ กล่าว
สำหรับนแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ไม่ดีนั้นส่งผลให้หุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ไม่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเข้ามาซื้อขายนั้น รวมทั้งหุ้นของบริษัทที่นักลงทุนไม่ปล่อยหุ้นออกมา อาจเพราะมีการจ่ายปันผลต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิและจ่ายปีละ 2 ครั้ง โดยครึ่งปีแรกปี51 จ่ายแล้ว 0.12บาท และครั้งต่อไป ก.ค.52นี้
นายประพจน์ กล่าวว่า ยอดขายไตรมาสแรกปีนี้ลดลง แต่เชื่อว่าจะหลัง เม.ย.เป็นต้นไปยอดขายจะขยับเพิ่ม เพราะออร์เดอร์เพิ่ม ส่งผลต่อผลงานครึ่งแรกปี 52 ไม่ดีแต่จะฟื้นตัวครึ่งปีหลังบวกกับราคาวัตถุดิบที่ปรับลดลง อีกทั้งรับรู้รายได้จาก " ซิงกิ้ล พอยท์ เอ็นเนอร์ยี่ แอนด์ เอ็นไวรอนเม้นท์ " หรือ SPEE บริษัทย่อยที่จำหน่ายเครื่องจักรแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมันดิบ ซึ่งจะมีรายได้ปีนี้ 100 ล้านบาทต่อปี ขณะนี้มีผู้ติดต่อจะซื้อเครื่องอีก 3 เครื่อง ซึ่งจะสร้างรายได้เพิ่มอีก 180 ล้านบาท โดยหากขายได้จะทำให้รับรู้รายได้ในปีนี้รวม 280 ล้านบาท ส่งผลให้SPPT มีรายได้ใกล้เคียงกับปี 51
อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัว นายประพจน์ ได้ถือหุ้นในบริษัท สเปเชียลตี้ เทค สัดส่วน 60 % ซึ่งมีแผนเข้าจดทะเบียนในmai ขณะนี้แต่งตั้งบริษัท แคปปิตอล แอ๊ดแวนเทจ เป็นที่ปรึกษาการเงิน โดยจะยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง)ช่วงไตรมาส3 ปีนี้ เพื่อเพิ่มทุน 59 ล้านหุ้น ทำให้ทุนจดทะเบียนเพิ่มเป็น 188 ล้านหุ้น จากปัจจุบันอยู่ที่ 129 ล้านบาท
