สยามโกลบอลเฮ้าส์ เตรียมจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ปีหน้า ขณะนี้ อยู่ระหว่างรอผลเจรจาของที่ปรึกษาการเงิน และ อันเดอร์ไรท์ฯ และจังหวะที่ตลาดหุ้นมีเสถียรภาพเพื่อเอื้อต่อการขายหุ้น IPO เดินหน้าขยายสาขาเพิ่มตามแผน คาดรายได้ปี52 โตใกล้เคียงกับปีนี้ที่ระดับ 20-25%
นายวิทูร สุริยวนากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOBAL เปิดเผยว่า สำหรับแผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของบริษัทขณะนี้อยู่ระหว่างรอหารือกับบริษัทที่ปรึกษาการเงิน (FA) และผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น (Underwriter) ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถกำหนดเวลาที่แน่ชัดได้ แต่คาดว่าบริษัทจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ในปี 52
สำหรับผลประกอบการในปี หน้า คาดว่าจะรักษารายได้การเติบโตที่ 20-25% ซึ่งใกล้เคียงกับปี51 และมีอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ที่ 17-18% ใกล้เคียงกับปี 51 เช่นเดียวกัน ขณะที่อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อยู่ที่ระดับ 5-6% จากสถานการณ์ภายในประเทศที่สงบและรูปแบบการเมืองมีความชัดเจนขึ้น รัฐบาลมีมาตรการระดมเงินลงทุนในภาคธุรกิจต่างๆ รวมถึงการเดินหน้าตามแผนงานเมกกะโปรเจ็คอย่างจริงจัง ทำให้บริษัทมีความมั่นใจที่รักษาอัตราการเติบโตให้ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ทั้งจากสาขาเก่า และสาขาใหม่ ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวกับจัดจำหน่ายสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง และอุปกรณ์ตกแต่งบ้านแบบครบวงจร
โดยปี 52 บริษัทจะเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 3 สาขา ในต่างจังหวัด คือจังหวัดนครสวรรค์ ราชบุรี อุยธยากาฬสินธ์ และขอนแก่น(บ้านไผ่) ประมาณเดือนมกราคม ซึ่งขึ้นอยู่กับความพร้อมในการเลือกเปิดสาขา โดยใช้เงินลงทุนต่อสาขาละประมาณ 300-400 ล้านบาท
" การเปิดสาขาจะใช้เงินทุนหมุนเวียนและจากสถาบันการเงิน ซึ่งหากเรากู้มาลงทุนจะทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E RATIO ) เพิ่มจากเดิมที่มี 1.1 เท่า เป็น 1.3 เท่าจาก" นายวิทูรกล่าว
ปัจจุบันบริษัทมีสาขาอยู่ต่างจังหวัด 6 แห่ง ได้แก่ ระยอง ชลบุรี ขอนแก่น นครปฐม อุดรธานี และร้อยเอ็ด สำหรับที่ดินในการก่อสร้างสาขาใหม่นั้นเป็นของบริษัทเองอยู่แล้ว ส่วนเรื่องการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เท่าที่ทราบจาก FA ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพียงแต่รอจังหวะให้ตลาดทุนมีเสถียรภาพมากกว่านี้เพื่อเอื้อต่อการขายหุ้น IPO
สำหรับเหตุการณ์ไฟไหม้ที่เกิดในสาขาเชียงใหม่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเงื่อนไขการเข้าจดทะเบียนของบริษัทในส่วนของความเสียหายที่เกิดขึ้นบริษัทได้มีการทำประกันครอบคลุมไว้เรียบร้อยแล้ว โดยแบ่งการประกันออกเป็น 2 ส่วน คือการประกันอาคาร 286 ล้านบาท และการประกันสินค้า 138.5 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการซ่อมแซมอาคารสถานที่ โดยคาดว่าจะเสร็จช่วงเดือนเมษายน ปี52
นายวิทูร สุริยวนากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOBAL เปิดเผยว่า สำหรับแผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของบริษัทขณะนี้อยู่ระหว่างรอหารือกับบริษัทที่ปรึกษาการเงิน (FA) และผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น (Underwriter) ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถกำหนดเวลาที่แน่ชัดได้ แต่คาดว่าบริษัทจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ในปี 52
สำหรับผลประกอบการในปี หน้า คาดว่าจะรักษารายได้การเติบโตที่ 20-25% ซึ่งใกล้เคียงกับปี51 และมีอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ที่ 17-18% ใกล้เคียงกับปี 51 เช่นเดียวกัน ขณะที่อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อยู่ที่ระดับ 5-6% จากสถานการณ์ภายในประเทศที่สงบและรูปแบบการเมืองมีความชัดเจนขึ้น รัฐบาลมีมาตรการระดมเงินลงทุนในภาคธุรกิจต่างๆ รวมถึงการเดินหน้าตามแผนงานเมกกะโปรเจ็คอย่างจริงจัง ทำให้บริษัทมีความมั่นใจที่รักษาอัตราการเติบโตให้ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ทั้งจากสาขาเก่า และสาขาใหม่ ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวกับจัดจำหน่ายสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง และอุปกรณ์ตกแต่งบ้านแบบครบวงจร
โดยปี 52 บริษัทจะเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 3 สาขา ในต่างจังหวัด คือจังหวัดนครสวรรค์ ราชบุรี อุยธยากาฬสินธ์ และขอนแก่น(บ้านไผ่) ประมาณเดือนมกราคม ซึ่งขึ้นอยู่กับความพร้อมในการเลือกเปิดสาขา โดยใช้เงินลงทุนต่อสาขาละประมาณ 300-400 ล้านบาท
" การเปิดสาขาจะใช้เงินทุนหมุนเวียนและจากสถาบันการเงิน ซึ่งหากเรากู้มาลงทุนจะทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E RATIO ) เพิ่มจากเดิมที่มี 1.1 เท่า เป็น 1.3 เท่าจาก" นายวิทูรกล่าว
ปัจจุบันบริษัทมีสาขาอยู่ต่างจังหวัด 6 แห่ง ได้แก่ ระยอง ชลบุรี ขอนแก่น นครปฐม อุดรธานี และร้อยเอ็ด สำหรับที่ดินในการก่อสร้างสาขาใหม่นั้นเป็นของบริษัทเองอยู่แล้ว ส่วนเรื่องการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เท่าที่ทราบจาก FA ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพียงแต่รอจังหวะให้ตลาดทุนมีเสถียรภาพมากกว่านี้เพื่อเอื้อต่อการขายหุ้น IPO
สำหรับเหตุการณ์ไฟไหม้ที่เกิดในสาขาเชียงใหม่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเงื่อนไขการเข้าจดทะเบียนของบริษัทในส่วนของความเสียหายที่เกิดขึ้นบริษัทได้มีการทำประกันครอบคลุมไว้เรียบร้อยแล้ว โดยแบ่งการประกันออกเป็น 2 ส่วน คือการประกันอาคาร 286 ล้านบาท และการประกันสินค้า 138.5 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการซ่อมแซมอาคารสถานที่ โดยคาดว่าจะเสร็จช่วงเดือนเมษายน ปี52