กมธ.พิจารณางบฯ อึ๊งกันเป็นแถว “ศุภรัตน์”บอกเงินคงคลังเหลือแค่ 5.2 หมื่นล้าน พอสำหรับจ่ายเงินเดือน ขรก.แค่เดือนครึ่ง เหตุยอดเก็บรายได้ไตรมาสแรกปีงบ 52 หลุดเป้า 16% และการลดเงินกู้ต่างประเทศเพื่อลดภาระจ่ายดอกเบี้ย ยอมรับเหตุที่การเบิกจ่ายงบฯ ล่าช้า เพราะขาดเม็ดเงิน มีแต่ตัวเลขลอยๆ
วันที่ 30 ม.ค. ที่รัฐสภาเมื่อเวลา 9.30 น.ได้มีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 2552 โดยมีนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยเป็นการพิจารณาในส่วนของงบประมาณกระทรวงการคลัง ซึ่งนายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลังและคณะเข้าชี้แจง โดยนายศุภรัตน์ กล่าวว่า จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องอัดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจให้ทันในเดือน ก.พ.และ มี.ค.นี้เพื่อให้มีเงินหมุนเวียนในระบบ มิเช่นนั้นเศรษฐกิจไทยอาจติดลบถึง 3% ได้
นายศุภรัตน์ กล่าวต่อว่า ในช่วง 3 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2552 (ต.ค.-ธ.ค.51)พบว่ารัฐจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้าหมายประมาณ 16% ซึ่งกระทรวงการคลังคาดการณ์รายได้ที่ 132,000 ล้านบาท มีการเบิกจ่ายงบลงทุนไปได้เพียง 7.9% มีการตั้งรายจ่ายเพื่อชดเยเงินคงคลังสำหรับงบกลางปีไว้จำนวน 12,900 ล้านบาทมาจากรายได้ที่จะได้จากการขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมัน และรายได้จากผลของการกระตุ้นเศรษฐกิจ
จากนั้นกรรมาธิการฯ ทั้งจากรัฐบาลและฝ่ายค้านต่างรุมซักถามถึงสาเหตุของการเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้าที่เชื่อว่าจะส่งผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างแน่นอน อาทิ งบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และงบประมาณของกรมทางหลวงชนบทที่ผู้รับเหมาต่างยังไม่ได้รับเงิน จนนายพิเชษฐ์ พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.กระบี่ กรรมาธิการจากพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า อยากให้กระทรวงการคลังนำความจริงมาพูดให้ทุกคนรู้ เพราะจะได้ช่วยกันแก้ไขและเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่หนัก เชื่อว่าเหตุที่ยังไม่มีการเบิกจ่ายงบลงทุนต่างๆ เป็นเพราะความจริงเราไม่มีเงิน มีแต่เพียงตัวเลขลอยๆ เท่านั้นจึงอยากทราบว่าความจริงขณะนี้ประเทศไทยมีเงินคงคลังจำนวนเท่าใดกันแน่
ด้านนายศุภรัตน์ กล่าวยอมรับว่ามีเม็ดเงินไหลออกมากกว่าเม็ดเงินไหลเข้า ซึ่งการบริหารเงินคงคลังต้องทำด้วยความละมุนละม่อม ทั้งนี้ เมื่อสิ้นเดือนธันวาคม ปี 2551 มีเงินคงคลังอยู่ 52,000 ล้านบาท
เมื่อนายศุภรัตน์ กล่าวจบ นายพิเชษฐ์ ถึงกับกล่าวอย่างตกใจว่าเหตุใดเงินคงคลังจึงมีมากกว่ารายจ่ายประจำไม่ถึง 2 เดือน ตัวเลขนี้คือปัญหาที่ว่าทำไมประเทศจึงไม่มีเงินในการจ่ายงบลงทุน นายศุภรัตน์ กล่าวตอบว่า ยังมีเงินพอที่จะจ่ายเป็นเงินเดือนประจำประมาณ 1 เดือนครึ่ง เนื่องจากต้องจ่ายเงินเดือนประจำเดือนละ 32,000 ล้านบาท เหตุที่เงินคงคลังเหลืออยู่ไม่มากเนื่องจากที่ผ่านมาได้ลดการกู้ยืมเงินจากต่างประเทศเพื่อเป็นการลดภาระการจ่ายดอกเบี้ย อย่างไรก็ตามหากตัวเลขต่างๆ ไม่เพียงพอก็ยังสามารถกู้เงินจากต่างประเทศได้อีก
ด้านนายวิทยา บุรณศิริ กรรมาธิการจากพรรคเพื่อไทย ได้ซักถามว่าดูมาตรการการเงินขณะนี้แล้วเชื่อถือไม่ได้ว่าจะมีรายได้กลับมาตามที่คาดหวัง จึงอยากรู้ว่าจะกู้เงินเมื่อใด จากไหน เท่าใดและกู้ที่ไหน
ขณะที่นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ส.ส.สัดส่วน กรรมาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าทุกประเทศล้วนประสพปัญหาวิกฤตทั้งนั้น ฉะนั้นจะให้ประเทศไทยรอดเพียงประเทศเดียวไม่ได้ เพียงแต่ต้องช่วยกลุ่มคนที่มีปัญหามากที่สุดก่อนคือคนที่มีรายได้น้อย
นายศุภรัตน์ ตอบว่ากรอบการกู้ยืมเงินมีกฎเกณฑ์ไว้ชัดเจนอยู่แล้ว แต่อาจต้องใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมาใช้ให้เร็วกว่าเดิม ขณะนี้การขาดดุลงบประมาณทั้งประจำปีและกลางปีมีจำนวนประมาณ 340,000 กว่าล้าน