“กรณ์” เผยแนวทางพัฒนาตลาดทุนไทย ชี้ต้องอาศัยความร่วมมือตลาดทุนต่างชาติ

“กรณ์” ชี้ แนวทางพัฒนาตลาดทุนไทยเป็นเรื่องยาก เนื่องจากเป็นตลาดเล็ก ต้องอาศัยความร่วมมือจากตลาดทุนนอก เผย รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้น ศก.ระยะสั้น จัดทำงบกลางปี 1 แสนล้านบาท รวมถึงมาตรการภาษี เพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศ ที่คาดว่าจะเป็นตัวช่วยให้ ศก.ขยายตัวเพิ่มขึ้น พร้อมออกโรงยอมรับบางมาตรการอาจถูกวิจารณ์ แต่รัฐบาลมีเหตุผล ต้องการส่งเงินถึงมือประชาชนมากที่สุด

วันนี้ (27 ม.ค.) ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในงานสัมมนา “มาตรการที่รัฐจะส่งเสริมให้กับบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย” ในหัวข้อ มาตรการทางเศรษฐกิจของรัฐบาล ว่า การพัฒนาตลาดทุนไทยเป็นเรื่องยาก เนื่องจากมีข้อจำกัดตรงที่ตลาดทุนไทยมีขนาดเล็ก ดังนั้น จึงต้องอาศัยความร่วมมือกับตลาดทุนประเทศอื่นที่มีปัญหาเช่นเดียวกัน พร้อมทั้งต้องวางแนวทางการพัฒนาให้มีรูปแบบของการควบรวมกิจการ หรือ รวมตลาดที่เกี่ยวข้องกันเข้ามาไว้ด้วยกัน ซึ่งในส่วนนี้ต้องหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์อีกครั้งหนึ่ง เพื่อเดินหน้าเพิ่มสินค้าเกษตรให้มีการซื้อและขายในตลาดมากขึ้น

นายกรณ์ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับโครงสร้างการพัฒนาตลาดทุนจะอยู่ภายใต้คณะกรรมการพัฒนาตลาดทุน เพื่อกำหนดทิศทางการพัฒนาตลาดทุนที่เหมาะสม รวมไปถึงเพื่อกำจัดปัญหาอุปสรรคที่มีผลต่อการพัฒนาตลาดทุน และทำให้ตลาดทุนไทยเป็นแหล่งระดมทุนของผู้ประกอบการ

รมว.คลัง กล่าวต่อว่า ในปัจจุบันรัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ด้วยการจัดทำงบกลางปี 1 แสนล้านบาท รวมไปถึงได้ออกมาตรการภาษี เป็นมาตรการสมทบ เพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศที่คาดว่า จะเป็นตัวช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวเพิ่มอีก 1% ซึ่งยอมรับว่า บางมาตรการที่ออกไปนั้นอาจถูกวิพากวิจารณ์พอสมควร อย่างเช่น มาตรการจ่ายเงิน 2,000 บาท สำหรับผู้มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน แต่โดยหลักเหตุและผลแล้ว รัฐบาลมีจุดประสงค์เพื่อส่งเงินให้ถึงมือประชาชนมากที่สุด เพื่อก่อให้เกิดการใช้จ่ายและมีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจให้มากที่สุด ซึ่งต้องยอมรับว่า ขณะนี้ภาครัฐมีข้อจำกัดในการใช้งบประมาณ เนื่องจากมีทรัพยากรไม่เพียงพอ โดยในปีงบประมาณ 2552 รัฐบาลมีการขาดดุลงบประมาณกว่า 350,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเกือบเต็มเพดานที่กำหนด ทำให้เกิดปัญหาหนี้สาธารณะเพิ่มเป็น 41-42% ของจีดีพี แต่ยังมีช่องทางให้รัฐบาลกู้เงินได้อีก แต่จะส่งผลให้การจัดทำงบประมาณขาดดุลต่อเนื่องต่อไปอีก 2 ปี เนื่องจากจะมีการผลักดันเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจให้มากที่สุด

“ความตั้งใจของรัฐบาล คือ การเข้ามาแก้ปัญหาเศรษฐกิจเฉพาะหน้าช่วงไตรมาสแรกและไตรมาส 2 ของปีนี้ และจะมีการผลักดันมาตรการระยะกลางและระยะยาวต่อไป แต่เห็นว่า ภาครัฐไม่ใช่กลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่มีหน้าที่หล่อเลี้ยง ไม่ให้เครื่องยนต์ดับ โดยเศรษฐกิจจะโตไม่ได้ หากภาคเอกชนไม่ให้ความร่วมมือ” นายกรณ์ กล่าว