สมาคมรับเหมาฯ ยื่นหนังสือทวงหนี้รัฐบาล เร่งจ่ายงบค้างจ่าย 8 หมื่นล้านบาท หวังเสริมสภาพคล่องหวั่นแห่ปิดกิจการ พร้อมผลักดันงานก่อสร้างทั้งเก่าและใหม่ 1.6 แสนล้าน ระบายเข้าตลาด
นายพลพัฒ กรรณสูต นายกสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางสมาคมฯได้รับข้อร้องเรียนจากสมาชิกว่ามีปัญหาการเบิกจ่ายค่าก่อสร้างของหน่วยงานรัฐที่มีความล่าช้ามาตั้งแต่ช่วงปีก่อนจนถึงขณะนี้ รวมมูลค่า 8 หมื่นล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว เมื่อสัปดาห์ก่อนทางสมาคมฯ ได้ยื่นหนังสือถึงรัฐบาล เพื่อเร่งรัดให้มีการเบิกจ่ายเงินที่ค้างจ่ายให้กับผู้รับเหมาเพื่อนำมาเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ ซึ่งหากล่าช้าจะกระทบต่อการดำเนินธุรกิจที่ขณะนี้มีรับเหมาหลายหลายปิดกิจการ
นอกจากนี้ ทางสมาคมฯ ยังต้องการให้ภาครัฐเร่งรัดงานก่อสร้างที่เป็นงบประมาณประจำปีทั้งงานเก่าในปีงบประมาณ 2551 ถึงปี 2552 ประกอบด้วยงานก่อสร้างเก่าและใหม่รวมมูลค่ากว่า 1.6 แสนล้านบาท เช่นงานก่อสร้างของกรมทางหลวง ทั้งที่เป็นงานท้องถิ่นและงานพิเศษ ,งานรวมถึงงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า สายต่างๆที่ยอมรับว่าค่อนข้างล้าช้าและประเทศไทยเสียเวลากับโครงการดังกล่าวมาหลายปี
ทั้งนี้ เห็นด้วยกับมาตรการต่างๆของรัฐบาลที่ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ แต่จะกระตุ้นได้มากหรือน้อยคงต้องรอดูอีกสักระยะ และหากรัฐบาลเร่งรัดงานก่อสร้างออกมาจะช่วยทำให้ผู้รับเหมาก่อสร้างยื่นอยู่ในธุรกิจได้ รวมถึงเกิดการจ้างงานในภาคการก่อสร้างต่อปีมีการใช้แรงงานกว่า 1 ล้านคน
ผุดโครงการ 3.8 พันล.บนที่ สนง.ทรัพย์สิน
นายพลพัฒ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการนำเอาที่ดิน 2 ไร่ริมถนนวิทยุ ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานของสมาคมฯมาพัฒนาเป็นอาคารพักอาศัยภายใต้ชื่อโครงการ “ ดิ โอเรียลเต็ล เรสซิเด็นซ์ ” โดยระบุว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาคัดเลือกผู้รับเหมาก่อสร้าง ที่ยื่นเสนอราคาประมูลมา 3 รายคือ สี่พระยาก่อสร้าง แสงฟ้าก่อสร้างและบริษัทฤทธา ตามแผนก่อสร้างเสร็จในปี 2545
ทั้งนี้ ที่ดิน 2 ไร่ดังกล่าวเป็นการเช่าจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็นเวลา 33 ปีเริ่มตั้งแต่ปลายปี 2549 เป็นการจ่ายค่าเช่าครั้งเดี่ยวคิดเป็นมูลค่า 220 ล้านบาท และการพัฒนาเป็นอาคารพักอาศัยครั้งนี้ดำเนินการภายใต้บริษัท สินทรัพย์ช่างเหมาไทย จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท(ชำระเต็ม) โดยมีกลุ่มอิตัลไทย ถือหุ้นหลัก 80 % ที่เหลือ 20% เป็นกลุ่มสมาชิกของสมาคมฯ
นายพลพัฒ กรรณสูต นายกสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางสมาคมฯได้รับข้อร้องเรียนจากสมาชิกว่ามีปัญหาการเบิกจ่ายค่าก่อสร้างของหน่วยงานรัฐที่มีความล่าช้ามาตั้งแต่ช่วงปีก่อนจนถึงขณะนี้ รวมมูลค่า 8 หมื่นล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว เมื่อสัปดาห์ก่อนทางสมาคมฯ ได้ยื่นหนังสือถึงรัฐบาล เพื่อเร่งรัดให้มีการเบิกจ่ายเงินที่ค้างจ่ายให้กับผู้รับเหมาเพื่อนำมาเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ ซึ่งหากล่าช้าจะกระทบต่อการดำเนินธุรกิจที่ขณะนี้มีรับเหมาหลายหลายปิดกิจการ
นอกจากนี้ ทางสมาคมฯ ยังต้องการให้ภาครัฐเร่งรัดงานก่อสร้างที่เป็นงบประมาณประจำปีทั้งงานเก่าในปีงบประมาณ 2551 ถึงปี 2552 ประกอบด้วยงานก่อสร้างเก่าและใหม่รวมมูลค่ากว่า 1.6 แสนล้านบาท เช่นงานก่อสร้างของกรมทางหลวง ทั้งที่เป็นงานท้องถิ่นและงานพิเศษ ,งานรวมถึงงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า สายต่างๆที่ยอมรับว่าค่อนข้างล้าช้าและประเทศไทยเสียเวลากับโครงการดังกล่าวมาหลายปี
ทั้งนี้ เห็นด้วยกับมาตรการต่างๆของรัฐบาลที่ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ แต่จะกระตุ้นได้มากหรือน้อยคงต้องรอดูอีกสักระยะ และหากรัฐบาลเร่งรัดงานก่อสร้างออกมาจะช่วยทำให้ผู้รับเหมาก่อสร้างยื่นอยู่ในธุรกิจได้ รวมถึงเกิดการจ้างงานในภาคการก่อสร้างต่อปีมีการใช้แรงงานกว่า 1 ล้านคน
ผุดโครงการ 3.8 พันล.บนที่ สนง.ทรัพย์สิน
นายพลพัฒ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการนำเอาที่ดิน 2 ไร่ริมถนนวิทยุ ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานของสมาคมฯมาพัฒนาเป็นอาคารพักอาศัยภายใต้ชื่อโครงการ “ ดิ โอเรียลเต็ล เรสซิเด็นซ์ ” โดยระบุว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาคัดเลือกผู้รับเหมาก่อสร้าง ที่ยื่นเสนอราคาประมูลมา 3 รายคือ สี่พระยาก่อสร้าง แสงฟ้าก่อสร้างและบริษัทฤทธา ตามแผนก่อสร้างเสร็จในปี 2545
ทั้งนี้ ที่ดิน 2 ไร่ดังกล่าวเป็นการเช่าจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็นเวลา 33 ปีเริ่มตั้งแต่ปลายปี 2549 เป็นการจ่ายค่าเช่าครั้งเดี่ยวคิดเป็นมูลค่า 220 ล้านบาท และการพัฒนาเป็นอาคารพักอาศัยครั้งนี้ดำเนินการภายใต้บริษัท สินทรัพย์ช่างเหมาไทย จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท(ชำระเต็ม) โดยมีกลุ่มอิตัลไทย ถือหุ้นหลัก 80 % ที่เหลือ 20% เป็นกลุ่มสมาชิกของสมาคมฯ