xs
xsm
sm
md
lg

เอกชนจัดเวทีใหญ่ปลาย ม.ค.นี้ นักธุรกิจ-นลท.ทั่วโลก ดินเนอร์ทีม ศก.มาร์ค

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ภาคเอกชน 3 สถาบัน ลงขันเปิดเวทีใหญ่ปลาย ม.ค.นี้ เพื่อให้รัฐบาลประกาศนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ-ฟื้นความเชื่อมั่น เตรียมระดมนักธุรกิจ-นักลงทุน ทั้งในและต่างประเทศ ร่วมดินเนอร์ใกล้ชิดทีม ศก.มาร์ค พร้อมหนุนการประชุมอาเซียนซัมมิต เดือน ก.พ. ตอกย้ำความมั่นใจนักลงทุน “ประมนต์” ลั่นอายุรัฐบาลต้องให้เวลาทำงานอย่างน้อย 1-1.5 ปี เพื่อให้ประเทศเดินหน้า เชื่อ หากรัฐบาลมีผลงานดีเป็นที่น่าพอใจของประชาชน จะอยู่ได้นานขึ้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการทำนายของโหร

นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ได้แก่ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสมาคมธนาคารไทย ซึ่งเป็นการประชุมครั้งแรกของปี 2552 โดยระบุว่า ที่ประชุมได้มีการหารือเพื่อสรุปมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อเสนอต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์นี้ และจะมีการนัดหมายเพื่อเข้าพบนายกรัฐมนตรีต่อไป

ทั้งนี้ กกร.จะจัดเวทีเพื่อให้ภาครัฐและเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ หารือร่วมกันในลักษณะไทยดินเนอร์ทอล์กปลายเดือนนี้ โดยจะเป็นเวทีให้นายกรัฐมนตรีพูดถึงนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลนี้ และให้รัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจเสนอแนวทางฟื้นฟูเศรษฐกิจ เพื่อให้เกิดความมั่นใจกับนักลงทุน ส่วนการจัดประชุมอาเซียนซัมมิตปลายเดือน ก.พ.นี้ ที่กรุงเทพฯ กกร.ยินดีสนับสนุนการจัดประชุมดังกล่าว อย่างเต็มที่

สำหรับมาตรการเร่งด่วนเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและความเชื่อมั่น ประกอบด้วย มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะกลางและระยะยาวที่เดินหน้าต่อเนื่อง โดยจะมีการเสนอให้ลดภาษีนิติบุคคล การปรับโครงสร้างภาษีเพื่อลดภาระให้กับผู้ประกอบการ การยกเว้นภาษีบางประเภทเพื่อลดภาระให้ผู้บริโภค เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเร็วขึ้น

นายประมนต์ กล่าวด้วยว่า ในปี 2552 เศรษฐกิจยังจะไม่ฟื้น โดยยังชะลอตัวต่อไป ส่วนสิ่งที่ภาคเอกชนควรทำ คือต้องกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ เพื่อรองรับการถดถอยของภาคการส่งออก ซึ่งเป็นห่วงว่าอาจจะถึงขั้นติดลบ โดยวันที่ 7 ม.ค.นี้ ทางภาคเอกชนจะไปหารือกับกระทรวงพาณิชย์ เพื่อประเมินตลาดการส่งออก

ทั้งนี้ ภาคเอกชนจะเสนอมาตรการเร่งหาตลาดส่งออกใหม่ เพื่อชดเชยตลาดเดิมที่ชะลอตัวลง ซึ่งหากภาคการส่งออกปีนี้ไม่ติดลบหรือโตเท่ากับปี 2551 ก็ถือว่าน่าพอใจแล้ว เพราะกลุ่มอุตสาหกรรมบางประเภท เช่น ยานยนต์ อิเลกทรอนิกส์ คาดว่าการส่งออกจะขยายตัวลดลงประมาณร้อยละ 20-30 คงจะมีแต่กลุ่มอาหารที่คงเติบโตและน่าช่วยภาคการส่งออกได้

นอกจากนี้ นายประมนต์ ยังเห็นว่า อายุของรัฐบาลนี้อย่างน้อยควรทำงานได้ 1 ปี ถึง 1 ปี 6 เดือน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน เพราะหากอายุรัฐบาลน้อยกว่านี้ก็อาจจะกระทบต่อความมั่นใจของนักลงทุนได้ โดยระยะเวลา 3 เดือนแรกเป็นช่วงทดลองงาน ดังนั้น ต้องให้เวลารัฐบาลทำงาน เพื่อทำให้เศรษฐกิจเดินหน้าได้

นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า มาตรการเร่งด่วนที่จะเสนอนายกรัฐมนตรี คือเสริมสภาพคล่องให้กับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ทั้งผ่านสถาบันการเงินและกองทุนเอสเอ็มอี เพราะเชื่อว่าเอสเอ็มอี ที่มีหลักประกันน้อยอาจมีปัญหาการกู้เงิน ดังนั้น ควรจัดตั้งกองทุนเอสเอ็มอี เพื่อสนับสนุนเงินทุนให้กับธุรกิจเหล่านี้ ส่วนภาคการส่งออกปีนี้ ยอมรับว่า อาการน่าเป็นห่วง

อย่างไรก็ตาม หากไทยสามารถรักษามูลค่าการส่งออกได้ 180,000-190,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือว่าน่าพอใจแล้ว และหากอัตราการขยายตัวของการส่งออกโตร้อยละ 5 ก็จะเป็นเรื่องดี จึงอยากให้รัฐบาลมีอายุการทำงานยาวนาน เพื่อเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยเชื่อว่าหากรัฐบาลมีผลงานดีเป็นที่น่าพอใจของประชาชน น่าจะอยู่ได้นานขึ้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการทำนายของโหร
กำลังโหลดความคิดเห็น