โอบามา เดินเครื่องกู้วิกฤตสหรัฐฯ งัดยาแรงนโยบายการคลัง

นสพ.วอลล์สตรีท เจอร์นัล เผย "โอบามา" หนุนใช้แผนกระตุ้นเศรษฐกิจ-ลดหย่อนภาษี วงเงิน 7.75 แสนล้านดอลลาร์ เตรียมผลักดันแผนลดภาษีบุคคล-นิติบุคคล มูลค่า 3.10 แสนล้านดอลลาร์ ชงสภาคองเกรสพิจารณาอนุมัติ มั่นใจผ่านความเห็นชอบ เพราะเป็นการสนับสนุนให้ภาคธุรกิจจ้างงานเพิ่ม ขณะที่เจพีมอร์แกนฯ คาดตัวเลขว่างงานปี 51 ที่จะประกาศในวันที่ 9 ม.ค.นี้ อาจทำสถิติพุ่งสูงสุดรอบ 63 ปี

วันนี้ (05 มกราคม 2552) หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานโดยอ้างการเปิดเผยของคณะทำงานบารัค โอบามา ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ โดยระบุว่า นายโอบามา กำลังผลักดันให้มีการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ รวมถึงการลดหย่อนภาษีซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 40% ของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับที่โอบามาเรียกร้องให้สภาผู้แทนราษฎร (สภาคองเกรส) ผ่านร่างภายใน 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า

ทั้งนี้ คาดว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลโอบามาอาจมีวงเงินสูงถึง 7.75 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งจากงบประมาณจำนวนนี้จะถูกนำมาใช้ในมาตรการลดหย่อนภาษีมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์

การเคลื่อนไหวครั้งนี้ นักวิเคราะห์เชื่อว่า นายโอบามามีเป้าหมายเพื่อดึงดูดเสียงสนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากพรรครีพับลิกัน และกระตุ้นให้บรรดาบริษัทต่างๆ หันมาให้ความสำคัญกับการจ้างงานมากขึ้น

ทั้งนี้ เป็นที่คาดการณ์ว่า แผนลดภาษีครั้งนี้ อาจทำให้ได้รับการสนับสนุนจากพรรครีพับลิกันง่ายขึ้น เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา รีพับลิกันย้ำเสมอว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ดีควรเน้นพึ่งพาการลดภาษี มากกว่ากระตุ้นการใช้จ่าย

**คาดตัวเลขว่างงานปี 51 พุ่งสูงสุดรอบ 63 ปี

เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค คาดการณ์ว่า ตัวเลขว่างงานในสหรัฐปี 2551 อาจพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 63 ปี เนื่องจากบริษัทรับสร้างบ้าน บริษัทรถยนต์ ธนาคารพาณิชย์ และบริษัทค้าปลีก ได้ปลดพนักงานจำนวนมากเพราะถูกกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย

นายไมเคิล เฟโรลี หัวหน้านักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกนฯ ยังคาดการณ์อีกว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐประจำเดือนธันวาคม 2551 อาจร่วงลง 500,000 ราย ซึ่งจะทำให้ตัวเลขจ้างงานตลอดปี 2551 ลดลงสู่ระดับ 2.4 ล้านคน ซึ่งเป็นการปรับตัวลงรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 60 ปี โดยกระทรวงแรงงานจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานเดือนธันวาคม 2551 ในวันศุกร์ที่ 9 มกราคม 2552 นี้ และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนธันวาคม 2551 จะพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี

"ตัวเลขว่างงานที่ร่วงลงอย่างรุนแรง จะเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดัน นายบารัค โอบามา ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ให้ต้องใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกหลายรอบ รวมถึงมาตาการกระตุ้นการจ้างงาน เพื่อยับยั้งเศรษฐกิจไม่ให้ถดถอยรุนแรง นอกจากนี้ โอบามายังต้องเจอโจทย์หินในเรื่องการฟื้นฟูตลาดอสังหาริมทรัพย์ ภาคการผลิต และภาคบริการ ที่ทรุดตัวลงอย่างหนักเมื่อปีที่แล้ว"

สำนักงานจัดการอุปทาน (ISM) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตประจำเดือนธ.ค. 2551 ที่ทรุดตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 28 ปี เนื่องจากความต้องการของสินค้าประเภทรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน ปรับตัวลดลง ซึ่งตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ว่า โรงงานหลายแห่งเตรียมปรับลดการผลิตและปลดพนักงานอีกหลายตำแหน่งในปี 2552

กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานสหรัฐประจำเดือนพ.ย.ทำสถิติดิ่งลงหนักที่สุดในรอบ 34 ปีที่ระดับ 533,000 ตำแหน่ง และร่วงลงแรงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 320,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานในเดือนพ.ย.พุ่งขึ้นแตะที่ 6.7% จากระดับ 6.5% เมื่อเดือนต.ค.