กลุ่มผู้ถือหุ้น AIG ประกาศรวมตัวคัดค้าน "เฟด" ทุ่มเงิน 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อเทคโอเวอร์กิจการ นัดประชุมด่วน พรุ่งนี้ หวั่นตำนานบริษัทประกันรายใหญ่ที่สุดของโลกพังคามือ
วันนี้ (22 ก.ย.) หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า กลุ่มผู้ถือหุ้นของบริษัท อเมริกัน อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป (AIG) รวมตัวคัดค้านธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เข้าเทคโอเวอร์กิจการ AIG มูลค่า 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ และเข้าถือหุ้น 79.9% ใน AIG โดยวางแผนที่จะเข้าประชุมร่วมกันในวันนี้ที่กรุงนิวยอร์ก เพื่อหารือกันถึงทางออกด้านอื่นๆ
ทนายความของนายมอริซ แฮงค์ กรีนเบิร์ก ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด และเป็นอดีตซีอีโอของ AIG เปิดเผยว่า นายกรีนเบิร์กเตรียมยื่นข้อเสนอในที่ประชุมเพื่อคัดค้านการเทคโอเวอร์ของเฟด โดยนายรอน เชลพ์ ซึ่งเป็นผู้เขียนรายงาน Fallen Giant ที่ศึกษาปูมชีวิตของนายกรีนเบิร์กและ AIG กล่าวว่า นายกรีนเบิร์กคือผู้ที่สูญเสียมากที่สุดในเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ เพราะเขาใช้เวลากว่า 40 ปีในการทำงานให้ AIG เขาได้ทำให้ AIG กลายเป็นบริษัทประกันที่ใหญ่ที่สุดในโลก และสิ่งนี้คือมรดกของเขา
ทั้งนี้ AIG บริษัทประกันรายใหญ่สุดของสหรัฐซึ่งขาดทุนอย่างหนักเพราะได้รับผลกระทบจากภาวะตกต่ำในตลาดสินเชื่อสหรัฐ ได้ตกลงขอวงเงินกู้ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์จากเฟดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อแลกกับการที่เฟดเข้าไปถือหุ้น 79.9% ในบริษัท
** AIG ประกันภัยฯ ยืนยันไม่ได้รับผลกระทบจากเอไอจีสหรัฐ
นายสตีเฟน บาร์เนตต์ (Stephen Barnett) ประธานกิตติมศักดิ์ บริษัท AIG ประกันวินาศภัย (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าบริษัทนิวแฮมพ์เชอร์ อินชัวรันส์ (AIG) และ AIG วินาศภัย (ประเทศไทย) นั้น ไม่ได้รับผลกระทบทางการเงินจากวิกฤติการณ์ขาดสภาพคล่องทางการเงินของบริษัท AIG สำนักงานใหญ่ ที่ สหรัฐอเมริกา เพราะบริษัททั้งสองในประเทศ ได้ให้ความสำคัญเรื่องการมุ่งเน้นทำกำไรจากการรับประกันภัยมากกว่าการลงทุน
ซึ่งในปี 2550 ที่ผ่านมา บริษัทมีกำไรจากการรับประกันภัยกว่า 28 % ของธุรกิจประกันภัยทั้งประเทศ อีกทั้ง บริษัทยังได้ตั้งทุนสำรองตามกฎหมายไว้สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานโดยในเดือนธันวาคมพ.ศ. 2550 มีเงินกองทุนสูงถึง 1,680 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ถึง 1,526 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 11 เท่า จึงมีมากพอสำหรับการรองรับภาระผูกพันและผลประโยชน์ตามสัญญาประกันภัย
ทั้งนี้ ทางบริษัทได้ดำเนินธุรกิจประกันภัย ภายใต้การกำกับและดูแลจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. จึงขอให้ลูกค้ามั่นใจได้