“บัวทอง” ไม่หวั่นเศรษฐกิจซบ ควักเงินลงทุนกว่า 100 ล้านบาท ผุดโครงการทาวน์เฮาส์หรู ขนาด 4 ห้องนอน ย่านบางบัวทอง ลุยสร้างก่อนเฟสแรก 50 ยูนิต เรียกความเชื่อมั่นผู้บริโภค พร้อมยอมรับภาวะเศรษกบิจ-การเมืองฉุดยอดขายอืด
นายไพโรจน์ สุขจั่น ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท บัวทอง พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า เชื่อว่าหลังจากมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ จะส่งผลให้ความเชื่อมั่นและภาพรวมของตลาดดีขึ้น และไม่มีการชุมนุมเกิดขึ้นมาอีก สำหรับภาวะตลาดในช่วงที่ผ่านมา ถือว่าการขายทำได้ยากขึ้น ผู้ประกอบการหลายรายต่างระมัดระวังตัว โดยเฉพาะการบริหารกระแสเงินสด ส่วนการลงทุนใหม่คาดว่าจะลดลงตามไปด้วย เพื่อป้องกันความเสี่ยง
สำหรับการลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ของกลุ่มภายใต้บริษัท บังทองแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เนื่องจากยังมีบ้านที่รอโอนจาก 2 โครงการ คือ โครงการทิพย์พิมาน การ์เด้น อีกกว่า 100 ล้านบาท และทิพย์พิมาน ไพรเวท ประมาณ 70 ล้านบาท และได้ใช้หนี้คืนให้แก่ธนาคารไปหมดแล้ว ทำให้บริษัทยังมีเงินสดหมุนเวียนที่จะนำมาใช้ในการพัฒนาโครงการใหม่ คือ ทิพย์พิมาน บ้านริมคลอง ถ.ริมคลอง อ.บางบัวทอง เนื้อที่เกือบ 20 ไร่ พัฒนาเป็นโครงการทาวน์เฮาส์ หน้ากว้าง 6 เมตร ขนาด 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ จำนวน 170 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 320 ล้านบาท
“นับว่าโชคดีที่ขณะนี้เราไม่มีสต๊อกเหลือขายอยู่ในมือ ช่วงนี้อยู่ระหว่างรอโอนบ้านให้ลูกค้า ทำให้ไม่มีภาระต้นทุนมากนัก และยังมีกระแสเงินสดอยู่ประมาณ 100 ล้านบาท จึงได้ลงทุนในโครงการบ้านริมคลอง แต่จะขยายที่ละเฟส เฟสละ 50 ยูนิต แล้วค่อยขยายเฟสต่อเนื่อง เพราะเป็นเงินทุนเราเอง หรืออาจจะกู้บ้างเล็กน้อยจะได้ไม่ต้องเหนื่อยมาก และเชื่อว่าตลาดยังไปได้ เพราะโครงการเราอยู่ต้นๆซ.. อีกทั้งราคายังไม่สูงมากนัก”
ส่วนงานด้านการบริหารงานขายและการตลาดนั้น ต้องยอมรับว่ายอดขายไม่ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้เมื่อต้นปี ซึ่งก็เป็นไปตามสถานการณ์และภาวะเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดียังมีโครงการเข้ามาให้บริษัทบริหารงานให้จำนวนมาก โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากว่า 10 โครงการ แต่บริษัทจะต้องเลือกโครงการที่จะรับบริหาร
สำหรับการบริหารการขายของบัวทองกรุ๊ปนั้นตั้งเป้าว่าจะมียอด ขายรวม 2,500 ล้านบาท และในช่วงที่ผ่านมีปัจจัยลบทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และผลกระทบจากปัญหาวิกฤติการเงินโลกส่งผลให้ยอดขายของบริษัทต่ำกว่าประมาณการที่วางไว้แล้วประมาณ 18% โดยขณะนี้มียอดขายรวม 1,860 ล้าน
นายไพโรจน์ สุขจั่น ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท บัวทอง พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า เชื่อว่าหลังจากมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ จะส่งผลให้ความเชื่อมั่นและภาพรวมของตลาดดีขึ้น และไม่มีการชุมนุมเกิดขึ้นมาอีก สำหรับภาวะตลาดในช่วงที่ผ่านมา ถือว่าการขายทำได้ยากขึ้น ผู้ประกอบการหลายรายต่างระมัดระวังตัว โดยเฉพาะการบริหารกระแสเงินสด ส่วนการลงทุนใหม่คาดว่าจะลดลงตามไปด้วย เพื่อป้องกันความเสี่ยง
สำหรับการลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ของกลุ่มภายใต้บริษัท บังทองแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เนื่องจากยังมีบ้านที่รอโอนจาก 2 โครงการ คือ โครงการทิพย์พิมาน การ์เด้น อีกกว่า 100 ล้านบาท และทิพย์พิมาน ไพรเวท ประมาณ 70 ล้านบาท และได้ใช้หนี้คืนให้แก่ธนาคารไปหมดแล้ว ทำให้บริษัทยังมีเงินสดหมุนเวียนที่จะนำมาใช้ในการพัฒนาโครงการใหม่ คือ ทิพย์พิมาน บ้านริมคลอง ถ.ริมคลอง อ.บางบัวทอง เนื้อที่เกือบ 20 ไร่ พัฒนาเป็นโครงการทาวน์เฮาส์ หน้ากว้าง 6 เมตร ขนาด 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ จำนวน 170 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 320 ล้านบาท
“นับว่าโชคดีที่ขณะนี้เราไม่มีสต๊อกเหลือขายอยู่ในมือ ช่วงนี้อยู่ระหว่างรอโอนบ้านให้ลูกค้า ทำให้ไม่มีภาระต้นทุนมากนัก และยังมีกระแสเงินสดอยู่ประมาณ 100 ล้านบาท จึงได้ลงทุนในโครงการบ้านริมคลอง แต่จะขยายที่ละเฟส เฟสละ 50 ยูนิต แล้วค่อยขยายเฟสต่อเนื่อง เพราะเป็นเงินทุนเราเอง หรืออาจจะกู้บ้างเล็กน้อยจะได้ไม่ต้องเหนื่อยมาก และเชื่อว่าตลาดยังไปได้ เพราะโครงการเราอยู่ต้นๆซ.. อีกทั้งราคายังไม่สูงมากนัก”
ส่วนงานด้านการบริหารงานขายและการตลาดนั้น ต้องยอมรับว่ายอดขายไม่ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้เมื่อต้นปี ซึ่งก็เป็นไปตามสถานการณ์และภาวะเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดียังมีโครงการเข้ามาให้บริษัทบริหารงานให้จำนวนมาก โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากว่า 10 โครงการ แต่บริษัทจะต้องเลือกโครงการที่จะรับบริหาร
สำหรับการบริหารการขายของบัวทองกรุ๊ปนั้นตั้งเป้าว่าจะมียอด ขายรวม 2,500 ล้านบาท และในช่วงที่ผ่านมีปัจจัยลบทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และผลกระทบจากปัญหาวิกฤติการเงินโลกส่งผลให้ยอดขายของบริษัทต่ำกว่าประมาณการที่วางไว้แล้วประมาณ 18% โดยขณะนี้มียอดขายรวม 1,860 ล้าน