GC ยอมรับ ปีหน้ารายได้อยู่ที่ 3 พันล. ลดลงจากปีนี้ ที่คาดว่าจะมีรายได้ถึง 3.6 พันล. โดยแนวโน้มครึ่งปีหลัง อาจได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงิน ทำให้ Supply Chains ลดลงทั้งระบบ แบงก์ปล่อยสินเชื่อในกลุ่มของเอสเอ็มอีลดลง ส่งผลกระทบต่อกลุ่มลูกค้าหลัก
วันนี้ (11 ธันวาคม 2551) นายสมชาย คุลีเมฆิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลบอล คอนเน็คชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GC เปิดเผยว่า แนวโน้มรายได้ในปี 2552 คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 3 พันล้านบาท ลดลงจากปีนี้ ที่คาดว่ามีรายได้อยู่ที่ 3.6 พันล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าปริมาณการขายยังคงใกล้เคียงกับปีก่อน เพียงแต่ได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าที่ปรับตัวลดลง
โดยในส่วนของหน่วยธุรกิจ Business Unic: BU2 และ Business Unic: BU3 ลดลง ซึ่งเริ่มเห็นสัญญาณจากการที่ผู้ผลิตยานยนต์คาดการณ์ว่า จำนวนผลิตรถยนต์ในปีหน้าลดลง 20-25% ทั้งนี้บริษัทฯ จะเน้นสัดส่วนในส่วนของ Business Unic: BU1 เป็น 70% และ BU 2 และ BU 3 เป็น 30% จากเดิมที่คาดว่าจะเพิ่มสัดส่วน BU 2 และ BU 3 เป็น 45-50% แต่ด้วยสถานการณ์ดังกล่าว จึงทำให้บริษัทฯ ต้องเปลี่ยนสัดส่วน
นอกจากนี้ บริษัทฯ จะพยายามรักษาอัตรากำไรขั้นต้นในปีหน้า อยู่ที่ (Gross Profit Margin ) ประมาณ 7% และอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) สูงกว่า 3% จากปีนี้ที่อยู่ที่ 3% โดยบริษัทฯจะบริหารสินค้าคงคลังเพื่อลดค่าใช้จ่ายและความสูญเสียจากอัตราแลกเปลี่ยน'ในปีหน้าอุตสาหกรรมพลาสติกไม่เลวร้าย แต่ยอดขายที่ปรับลดลงอยู่ที่ 3 พันล้านบาท ซึ่งลดลงจากปีนี้ที่คาด 3.6 พันล้านบาท ซึ่งอาจดูน่าตกใจ แต่จริงๆ แล้ว เป็นผลกระทบของราคาสินค้า แต่ปริมาณการขายคาดว่าน่าจะใกล้เคียงกับปีนี้
ทังนี้ เราจะพยายามรักษาอัตรากำไรขั้นต้นประมาณ 7% และพยายามดูแลเรื่องความเสี่ยง ค่าใช้จ่าย ความสูญเสียเพื่อจะรักษา Net Profit Margin ที่ 3% ใกล้เคียงกับปีนี้'นายสมชาย กล่าวสำหรับวิกฤตการเงินที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน บริษัทฯ ยังสามารถรองรับได้ เนื่องจากปัจจุบันได้ใช้วงเงินจากการกู้เงินจากสถานบันทางการเงินไปเพียง 35% เท่านั้น ซึ่งเหลือสัดส่วนที่จะนำเงินมาใช้ได้อยู่ที่ 65%
นอกจากนี้ ยังได้มีการพูดคุยกับสถาบันทางการเงิน ซึ่งสถาบันทางการเงินก็ยังเชื่อมั่นองค์กรดีอยู่ ดังนั้น ปัญหาทางการเงินบริษัทฯ ไม่น่าจะได้รับผลกระทบอย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ สถานการณ์การขายอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดี แต่ในครึ่งปีหลังยอมรับว่าได้รับผลกระทบ เพราะภาวะเศรษฐกิจทำให้ Supply Chains ทั้งระบบลดลง ทำให้แบงก์ปล่อยสินเชื่อในกลุ่มของเอสเอ็มอีลดลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อลูกค้าของบริษัทฯ
ขณะที่ในส่วนของหน่วยธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ ( BU2) และหน่วยธุรกิจประเภท กาวและสารเติมแต่ง( BU3) ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่ในส่วนของหน่วยธุรกิจประเภทสินค้าโภคภัณฑ์ (BU1) ได้รับผลกระทบเนื่องจากราคาสินค้าเคลื่อนไหวผันผวน
วันนี้ (11 ธันวาคม 2551) นายสมชาย คุลีเมฆิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลบอล คอนเน็คชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GC เปิดเผยว่า แนวโน้มรายได้ในปี 2552 คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 3 พันล้านบาท ลดลงจากปีนี้ ที่คาดว่ามีรายได้อยู่ที่ 3.6 พันล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าปริมาณการขายยังคงใกล้เคียงกับปีก่อน เพียงแต่ได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าที่ปรับตัวลดลง
โดยในส่วนของหน่วยธุรกิจ Business Unic: BU2 และ Business Unic: BU3 ลดลง ซึ่งเริ่มเห็นสัญญาณจากการที่ผู้ผลิตยานยนต์คาดการณ์ว่า จำนวนผลิตรถยนต์ในปีหน้าลดลง 20-25% ทั้งนี้บริษัทฯ จะเน้นสัดส่วนในส่วนของ Business Unic: BU1 เป็น 70% และ BU 2 และ BU 3 เป็น 30% จากเดิมที่คาดว่าจะเพิ่มสัดส่วน BU 2 และ BU 3 เป็น 45-50% แต่ด้วยสถานการณ์ดังกล่าว จึงทำให้บริษัทฯ ต้องเปลี่ยนสัดส่วน
นอกจากนี้ บริษัทฯ จะพยายามรักษาอัตรากำไรขั้นต้นในปีหน้า อยู่ที่ (Gross Profit Margin ) ประมาณ 7% และอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) สูงกว่า 3% จากปีนี้ที่อยู่ที่ 3% โดยบริษัทฯจะบริหารสินค้าคงคลังเพื่อลดค่าใช้จ่ายและความสูญเสียจากอัตราแลกเปลี่ยน'ในปีหน้าอุตสาหกรรมพลาสติกไม่เลวร้าย แต่ยอดขายที่ปรับลดลงอยู่ที่ 3 พันล้านบาท ซึ่งลดลงจากปีนี้ที่คาด 3.6 พันล้านบาท ซึ่งอาจดูน่าตกใจ แต่จริงๆ แล้ว เป็นผลกระทบของราคาสินค้า แต่ปริมาณการขายคาดว่าน่าจะใกล้เคียงกับปีนี้
ทังนี้ เราจะพยายามรักษาอัตรากำไรขั้นต้นประมาณ 7% และพยายามดูแลเรื่องความเสี่ยง ค่าใช้จ่าย ความสูญเสียเพื่อจะรักษา Net Profit Margin ที่ 3% ใกล้เคียงกับปีนี้'นายสมชาย กล่าวสำหรับวิกฤตการเงินที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน บริษัทฯ ยังสามารถรองรับได้ เนื่องจากปัจจุบันได้ใช้วงเงินจากการกู้เงินจากสถานบันทางการเงินไปเพียง 35% เท่านั้น ซึ่งเหลือสัดส่วนที่จะนำเงินมาใช้ได้อยู่ที่ 65%
นอกจากนี้ ยังได้มีการพูดคุยกับสถาบันทางการเงิน ซึ่งสถาบันทางการเงินก็ยังเชื่อมั่นองค์กรดีอยู่ ดังนั้น ปัญหาทางการเงินบริษัทฯ ไม่น่าจะได้รับผลกระทบอย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ สถานการณ์การขายอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดี แต่ในครึ่งปีหลังยอมรับว่าได้รับผลกระทบ เพราะภาวะเศรษฐกิจทำให้ Supply Chains ทั้งระบบลดลง ทำให้แบงก์ปล่อยสินเชื่อในกลุ่มของเอสเอ็มอีลดลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อลูกค้าของบริษัทฯ
ขณะที่ในส่วนของหน่วยธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ ( BU2) และหน่วยธุรกิจประเภท กาวและสารเติมแต่ง( BU3) ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่ในส่วนของหน่วยธุรกิจประเภทสินค้าโภคภัณฑ์ (BU1) ได้รับผลกระทบเนื่องจากราคาสินค้าเคลื่อนไหวผันผวน
