xs
xsm
sm
md
lg

TKTคาดปี52รายได้หดเกือบ30% ชี้เศรษฐกิจซบเน้นลดต้นทุนรักษามาร์จิ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ที.กรุงไทย มั่นใจโกยรายได้ในปีนี้ 1 พันล้านบาท เผยปีหน้าอาจลด20-30% หรืออยู่ที่ 800 ล้านบาท เหตุออร์เดอร์ยอดขายอุตสาหกรรมยานยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ลดลงอัตราเดียวกัน พร้อมวางแผนลดต้นทุนการผลิตเพื่อรักษาตัวเลขมาร์จิ้นและลุยตลาดใหม่หาหาออร์เดอร์เพิ่ม

นายจุมพล เตชะไกรศรี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ที.กรุงไทย อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) (TKT ) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจรายได้ในปีนี้ที่จะเป็นไปตามเป้าที่ 1,000 ล้านบาท สำหรับในปี 2552 คาดว่ารายได้จะลดลง 20-30 % มาอยู่ที่ 800-850 ล้านบาท เหตุจากยอดขายอุตสาหกรรมยานยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ลดลงประมาณ 20-30% จากสภาวะเศรษฐกิจที่กำลังมีปัญหา ซึ่งในปีหน้าบริษัทได้วางงบลงทุนไว้ที่ 40 ล้านบาท โดยแบ่งเงินลงทุนในไลน์พ่นสีประมาณ 20 ล้านบาท และอีก 15-20 ล้านบาท สำหรับลงทุนในการปรับปรุงโรงงาน เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการลดต้นทุน ด้วยการใช้เงินทุนหมุนเวียน พร้อมกับใช้กลยุทธลดต้นทุนทางการผลิต และการหายอดขายเข้ามาเพิ่มเพื่อเติมเต็มกำลังการผลิตที่หดหายไป

นอกจากนี้ TKT จะพยายามรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin)ให้ใกล้เคียงกับปีนี้ที่ระดับ 18% ด้วยการมุ่งเน้นในการลดต้นทุนทั้งในส่วนของการปรับปรุงโรงงาน รวมถึงด้านกระบวนการในการผลิต ซึ่งก็จะทำให้ต้นทุนในการดำเนินงานลดลงเช่นกัน โดยบริษัทมองว่ากับสถานการณ์เศรษฐกิจในตอนนี้เราควรที่จะระมัดระวังการทำธุรกิจให้มากที่สุด ซึ่งวิธีการที่ดีที่สุดของบริษัทคือการลดต้นทุน

" ในการลงไลน์พ่นสีนี้จะเป็นรูปแบบของการใช้แรงงานเครื่องจักร ที่ทำให้เราสามารถควบคุมประสิทธิภาพและกระบวนการทางการผลิตได้มากขึ้น ซึ่งเป็นวิธีการที่ช่วยลดต้นทุนได้อย่างดีและให้ชิ้นงานออกมามีคุณภาพได้ดีกว่าแรงงานคน อีกทั้งยังสอดคล้องกับแผนการลดต้นทุนที่เราวางแผนไว้ด้วย ซึ่งใช้ระยะเวลาในการคืนทุนประมาณ 3 ปี หากมีออเดอร์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง " นายจุมพล กล่าว

นายจุมพล กล่าวว่า ในปีหน้าบริษัทฯ จะเน้นไปที่ธุรกิจแม่พิมพ์มากขึ้น ปัจจัยที่สามารถช่วยเพิ่มยอดขายให้กับบริษัทได้ดีก็คือการเข้าไปขยายตลาด และมองหาออเดอร์ใหม่ๆในตลาดใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา โดยเลือกตลาดที่มีมาร์จิ้นที่ดีกว่า และตลาดที่บริษัทสามารถลงต่อยอดธุรกิจได้

ทั้งนี้ บริษัทยังคงมองหาพันธมิตรที่จะเข้ามาร่วมทุนในการทำธุรกิจอยู่ตลอดเวลา โดยพันธมิตรที่จะเลือกมานั้นต้องมีความแข็งแกร่งในเรื่องของพัฒนาและวิจัย สามารถเข้าตอบโจทย์ที่บริษัทต้องการได้ ขณะนี้บริษัทได้มองหาพันธมิตรต่างประเทศในตลาดผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์เพิ่มในแถบ ยุโรป สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ในช่วงการเจรจาแผน และอยู่ระหว่างการพิจารณา แต่จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวขณะนี้ ยังไม่มีความคืบหน้าเกี่ยวกับแผนดังกล่าว โดยคาดว่าในปีหน้าอาจจะหาข้อสรุปเกี่ยวกับการร่วมเจรจาดังกล่าวได้หรืออาจล่าช้ากว่านั้นขึ้นอยู่กับความเหมาะสม
กำลังโหลดความคิดเห็น