นายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ปาฐกถาพิเศษหัวข้อ "จุดเปลี่ยนดีทรอยต์เอเชีย ทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ยุควิกฤติน้ำมัน"
นายสุวิทย์ กล่าวว่า ประเทศไทยจะสามารถเลื่อนอันดับประเทศผู้ผลิตรถจากอันดับ 14 เป็นอันดับ 10 ของโลก ภายในปี 2559 และจากอันดับ 5 เป็นอันดับ 4 ของเอเชีย ตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากไทยมีการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งส่งเสริมโครงการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงาน (อีโคคาร์) ให้สอดคล้องกับทิศทางราคาน้ำมัน เพราะแม้สถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นสิ่งที่ได้รับผลกระทบทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย แต่อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยได้เปรียบ เนื่องจากมีอุตสาหกรรมสนับสนุนที่แข็งแกร่ง ซึ่งขณะนี้ค่ายรถยนต์ยุโรปสนใจเข้ามาผลิตรถยนต์ในไทย และไทยนับเป็นศูนย์กลางตลาดอินโดจีน ลุ่มแม่น้ำโขง รวมถึงจีนตอนใต้ ซึ่งจีนตอนใต้มีการเชื่อมถนนทำให้การค้าสะดวกมากขึ้น อีกทั้งการเปิดเขตการค้าเสรีกับจีน ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย ก็เป็นปัจจัยสนับสนุนให้ไทยส่งออกสินค้าและรถยนต์มากขึ้น
ทั้งนี้ ปัจจุบันไทยส่งออกรถยนต์ไปยังหลายประเทศ โดยรถกระบะขนาด 1 ตัน ส่งออกไป 130 ประเทศ และได้รับการยอมรับ ขณะที่กระทรวงอุตสาหกรรมมีนโยบายไปยังค่ายรถยนต์ที่ขอรับส่งเสริมการลงทุนผลิตรถอีโคคาร์ให้เร่งรัดโครงการดังกล่าว ให้มีการผลิตภายในสิ้นปีนี้ แต่คาดว่าบางบริษัทจะสามารถผลิตได้ต้นปีหน้า ซึ่งสอดคล้องกับกระแสความต้องการรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล ส่วนรถยนต์ที่ใช้แก๊สโซฮอล์ อี 85 กระทรวงอุตสาหกรรมเห็นว่าประเทศไทยจะมีผลผลิตอ้อยเพิ่มขึ้นตามวาระอ้อยแห่งชาติ ซึ่งจะสามารถนำผลิตเป็นเอทานอลเพื่อส่งเสริมแก๊สโซฮอล์ อี 85 แต่ทางค่ายรถยนต์ต้องใช้เวลาในการวางแผนปรับเปลี่ยนสายการผลิต 2-3 ปี อย่างไรก็ตาม รถยนต์ อี 85 จะเป็นตลาดเฉพาะเพียงบางประเทศที่มีวัตถุดิบผลิตเอทานอลได้เท่านั้น
นายสุวิทย์ กล่าวว่า ประเทศไทยจะสามารถเลื่อนอันดับประเทศผู้ผลิตรถจากอันดับ 14 เป็นอันดับ 10 ของโลก ภายในปี 2559 และจากอันดับ 5 เป็นอันดับ 4 ของเอเชีย ตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากไทยมีการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งส่งเสริมโครงการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงาน (อีโคคาร์) ให้สอดคล้องกับทิศทางราคาน้ำมัน เพราะแม้สถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นสิ่งที่ได้รับผลกระทบทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย แต่อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยได้เปรียบ เนื่องจากมีอุตสาหกรรมสนับสนุนที่แข็งแกร่ง ซึ่งขณะนี้ค่ายรถยนต์ยุโรปสนใจเข้ามาผลิตรถยนต์ในไทย และไทยนับเป็นศูนย์กลางตลาดอินโดจีน ลุ่มแม่น้ำโขง รวมถึงจีนตอนใต้ ซึ่งจีนตอนใต้มีการเชื่อมถนนทำให้การค้าสะดวกมากขึ้น อีกทั้งการเปิดเขตการค้าเสรีกับจีน ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย ก็เป็นปัจจัยสนับสนุนให้ไทยส่งออกสินค้าและรถยนต์มากขึ้น
ทั้งนี้ ปัจจุบันไทยส่งออกรถยนต์ไปยังหลายประเทศ โดยรถกระบะขนาด 1 ตัน ส่งออกไป 130 ประเทศ และได้รับการยอมรับ ขณะที่กระทรวงอุตสาหกรรมมีนโยบายไปยังค่ายรถยนต์ที่ขอรับส่งเสริมการลงทุนผลิตรถอีโคคาร์ให้เร่งรัดโครงการดังกล่าว ให้มีการผลิตภายในสิ้นปีนี้ แต่คาดว่าบางบริษัทจะสามารถผลิตได้ต้นปีหน้า ซึ่งสอดคล้องกับกระแสความต้องการรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล ส่วนรถยนต์ที่ใช้แก๊สโซฮอล์ อี 85 กระทรวงอุตสาหกรรมเห็นว่าประเทศไทยจะมีผลผลิตอ้อยเพิ่มขึ้นตามวาระอ้อยแห่งชาติ ซึ่งจะสามารถนำผลิตเป็นเอทานอลเพื่อส่งเสริมแก๊สโซฮอล์ อี 85 แต่ทางค่ายรถยนต์ต้องใช้เวลาในการวางแผนปรับเปลี่ยนสายการผลิต 2-3 ปี อย่างไรก็ตาม รถยนต์ อี 85 จะเป็นตลาดเฉพาะเพียงบางประเทศที่มีวัตถุดิบผลิตเอทานอลได้เท่านั้น
