TUF เข้าลงทุน 14.99 % ใน อะแวนติ ฟีด หลังธุรกิจกุ้งแช่แข็งในอินเดียโตต่อเนื่อง ขณะที่มี ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ ชำนาญในการผลิตอาหารกุ้งกุลาดำ จะหนุนอะแวนติ ฟีดขยายธุรกิจอาหารกุ้งขาวได้ หลังจากก่อนหน้าบริษัทย่อยที่สหรัฐฯ ซื้อเครื่องหมายการค้า "เอสออฟไดมอนด์" เพื่อให้สามารถผลิต ทำตลาด และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในตลาดสหรัฐฯ
นายไกรสร จันศิริ กรรมการ บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน)( TUF ) แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการ ครั้งที่ 7/2551 เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2551 ว่าบอร์ดมีมติอนุมัติการลงทุนในบริษัท อะแวนติ ฟีด จำกัด ประเทศอินเดีย จำนวน 14.99% ของหุ้นทั้งหมด ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตอาหารกุ้งรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศด้วยเงินลงทุนประมาณ 40 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทฯ เห็นว่าธุรกิจกุ้งแช่แข็งของประเทศอินเดียมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น จึงเป็นโอกาสที่ดีในการขยายฐานการผลิตอาหารกุ้งและเพิ่มความแข็งแกร่งในธุรกิจอาหารกุ้งต่อไป
ขณะที่ บริษัทอะแวนติ ฟีด จำกัด เป็นพันธมิตรทางการค้ากับบริษัทฯ ผ่านทางบริษัทในเครือ คือ ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ ( TFM ) ซึ่งเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้เทคโนโลยีทางด้านการผลิตอาหารกุ้งกุลาดำ และเนื่องจากบริษัท TFM มีประสบการณ์มากด้านการผลิตอาหารกุ้งขาว ซึ่งทางรัฐบาลอินเดียเพิ่งอนุญาตให้ผู้ประกอบการสามารถเลี้ยงกุ้งขาวได้ ทำให้บริษัท TFM อยู่ในสถานะที่ดีในการช่วยเหลือให้ อะแวนติ ฟีด สามารถขยายธุรกิจอาหารกุ้งขาวในประเทศอินเดีย ซึ่งจะส่งผลดีต่อมูลค่าการลงทุนของบริษัทฯ ต่อไป
ทั้งนี้ ล่าสุด มติบอร์ดเมื่ 26 กันยายนที่ผ่านมา บอร์ดมีมติอนุมัติการลงทุนของบริษัท ไทร-ยูเนี่ยน ซีฟู้ดส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ TUF เพื่อซื้อเครื่องหมายการค้า "เอสออฟไดมอนด์" (เดิมชื่อ ทรีไดมอนด์) ด้วยมูลค่า 200,000 เหรียญสหรัฐ ซึ่งตั้งแต่ปี 2002 เป็นต้นมา บริษัท ไทร-ยูเนี่ยน ซีฟู้ดส์ จำกัด ได้รับใบอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายการค้า "เอส ออฟ ไดมอนด์ " จากมิตซูบิชิ (ซึ่งเป็นเจ้าของเดิม) เพื่อให้สามารถผลิต ทำตลาด และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆ ภายใต้เครื่องหมายการค้าดังกล่าว ซึ่งประกอบด้วยปลาทูน่า อาหารทะเล ผัก และผลไม้ ในตลาดสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันเครื่องหมายการค้าดังกล่าวครองส่วนแบ่งตลาดปลาทูน่าบรรจุกระป๋องในสหรัฐอเมริกาที่ประมาณ 1 % โดยถูกจัดวางตำแหน่งทางการตลาดให้เป็นแบรนด์ราคาประหยัดเป็นหลัก โดยในทางยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจแล้ว จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับเครื่องหมายการค้าหลักอย่างชิคเก้นออฟเดอะซี ของไทร-ยูเนี่ยน ซีฟู้ดส์ ในตลาดปลาทูน่าบรรจุกระป๋องในสหรัฐฯ
สำหรับผลงานไตรมาส 3 สิ้นสุด 30 กันยายน 51 พบว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 911.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 423.33 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 116 % จากกำไรในรอบระยะเวลาบัญชีเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทมีรายได้จากการขายในรูปเงินเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 35% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นรายได้รูปเงินบาทในไตรมาสนี้มี 18,430.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34 % จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อนที่มี 13,723.6 ล้านบาท เนื่องจากรายได้ของบริษัทเติบโตเพิ่มสูงขึ้นทั้งในรูปของเงินบาทและเงินเหรียญสหรัฐ โดยทุกผลิตภัณฑ์เติบโตขึ้น ขณะที่ค่าบาทมีเสถียรภาพมากขึ้น ไม่มีความผันผวนเหมือนช่วงครึ่งปีแรก และราคาน้ำมันและวัตถุดิบปลาทูน่าปรับลดลง
นายไกรสร จันศิริ กรรมการ บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน)( TUF ) แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการ ครั้งที่ 7/2551 เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2551 ว่าบอร์ดมีมติอนุมัติการลงทุนในบริษัท อะแวนติ ฟีด จำกัด ประเทศอินเดีย จำนวน 14.99% ของหุ้นทั้งหมด ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตอาหารกุ้งรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศด้วยเงินลงทุนประมาณ 40 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทฯ เห็นว่าธุรกิจกุ้งแช่แข็งของประเทศอินเดียมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น จึงเป็นโอกาสที่ดีในการขยายฐานการผลิตอาหารกุ้งและเพิ่มความแข็งแกร่งในธุรกิจอาหารกุ้งต่อไป
ขณะที่ บริษัทอะแวนติ ฟีด จำกัด เป็นพันธมิตรทางการค้ากับบริษัทฯ ผ่านทางบริษัทในเครือ คือ ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ ( TFM ) ซึ่งเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้เทคโนโลยีทางด้านการผลิตอาหารกุ้งกุลาดำ และเนื่องจากบริษัท TFM มีประสบการณ์มากด้านการผลิตอาหารกุ้งขาว ซึ่งทางรัฐบาลอินเดียเพิ่งอนุญาตให้ผู้ประกอบการสามารถเลี้ยงกุ้งขาวได้ ทำให้บริษัท TFM อยู่ในสถานะที่ดีในการช่วยเหลือให้ อะแวนติ ฟีด สามารถขยายธุรกิจอาหารกุ้งขาวในประเทศอินเดีย ซึ่งจะส่งผลดีต่อมูลค่าการลงทุนของบริษัทฯ ต่อไป
ทั้งนี้ ล่าสุด มติบอร์ดเมื่ 26 กันยายนที่ผ่านมา บอร์ดมีมติอนุมัติการลงทุนของบริษัท ไทร-ยูเนี่ยน ซีฟู้ดส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ TUF เพื่อซื้อเครื่องหมายการค้า "เอสออฟไดมอนด์" (เดิมชื่อ ทรีไดมอนด์) ด้วยมูลค่า 200,000 เหรียญสหรัฐ ซึ่งตั้งแต่ปี 2002 เป็นต้นมา บริษัท ไทร-ยูเนี่ยน ซีฟู้ดส์ จำกัด ได้รับใบอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายการค้า "เอส ออฟ ไดมอนด์ " จากมิตซูบิชิ (ซึ่งเป็นเจ้าของเดิม) เพื่อให้สามารถผลิต ทำตลาด และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆ ภายใต้เครื่องหมายการค้าดังกล่าว ซึ่งประกอบด้วยปลาทูน่า อาหารทะเล ผัก และผลไม้ ในตลาดสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันเครื่องหมายการค้าดังกล่าวครองส่วนแบ่งตลาดปลาทูน่าบรรจุกระป๋องในสหรัฐอเมริกาที่ประมาณ 1 % โดยถูกจัดวางตำแหน่งทางการตลาดให้เป็นแบรนด์ราคาประหยัดเป็นหลัก โดยในทางยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจแล้ว จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับเครื่องหมายการค้าหลักอย่างชิคเก้นออฟเดอะซี ของไทร-ยูเนี่ยน ซีฟู้ดส์ ในตลาดปลาทูน่าบรรจุกระป๋องในสหรัฐฯ
สำหรับผลงานไตรมาส 3 สิ้นสุด 30 กันยายน 51 พบว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 911.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 423.33 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 116 % จากกำไรในรอบระยะเวลาบัญชีเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทมีรายได้จากการขายในรูปเงินเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 35% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นรายได้รูปเงินบาทในไตรมาสนี้มี 18,430.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34 % จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อนที่มี 13,723.6 ล้านบาท เนื่องจากรายได้ของบริษัทเติบโตเพิ่มสูงขึ้นทั้งในรูปของเงินบาทและเงินเหรียญสหรัฐ โดยทุกผลิตภัณฑ์เติบโตขึ้น ขณะที่ค่าบาทมีเสถียรภาพมากขึ้น ไม่มีความผันผวนเหมือนช่วงครึ่งปีแรก และราคาน้ำมันและวัตถุดิบปลาทูน่าปรับลดลง