หุ้นภาคเช้าปิดบวก 1.60% ตามทิศทางตลาดต่างประเทศ โบรกฯ มั่นใจช่วงบ่าย ยังยืนในแดนบวก 1-2% เตือนระวังแรงที่ระดับ 400 จุด โดยคาดว่า ตัวเลขจีดีพี Q3 ของสหรัฐฯ ที่จะประกาศในคืนนี้ อาจติดลบต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภค
ภาวะตลาดหุ้นไทย วันนี้ ( 25 พ.ย.) ดัชนีภาคเช้าปิดที่ระดับ 392.31 จุด เพิ่มขึ้น 6.19 จุด เปลี่ยนแปลง +1.60% มูลค่าการซื้อขาย 4,016.41 ล้านบาท เป็นไปตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ ขานรับดรีมทีมเศรษกิจชุดใหม่ของรัฐบาลสหรัฐฯ ขณะที่การเมืองในประเทศ ไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น ทำให้นักลงทุนกล้าเข้ามาเล่นในระยะสั้น
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไซรัส กล่าวว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในช่วงเช้าฟื้นตัวขึ้นตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อคืนนี้ ปรับเพิ่มขึ้นข้างแรงขานรับข่าวดีที่กระทรวงการคลังสหรัฐฯ เตรียมจะค้ำประกันสินทรัพย์เสี่ยงของ ซิตี้ กรุ๊ป (Citi group) จำนวน 3 แสนล้านดอลลาร์ พร้อมอัดฉีดเงินอีก 2 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยการเพิ่มทุน โดยเป็นหนึ่งในมาตรการช่วยเหลือธนาคาร และจะเข้าถือหุ้นบุริมสิทธิของซิตี้ กรุ๊ป รวมทั้งจะให้ความคุ้มครองต่อผลขาดทุนของพอร์ตเงินกู้และหลักทรัพย์มูลค่าราว 3.06 แสนล้านดอลลาร์ในงบดุลบัญชีของซิตี้ กรุ๊ป เป็นปัจจัยบวกต่อระบบสถาบันการเงิน
ขณะเดียวกัน นายบารัค โอบามา ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศชื่อทีมเศรษฐกิจตามคาด ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก นายทิโมธี กีธเนอร์ จะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ และนายลอเรนซ์ ซัมเมอร์ส อดีต รัฐมนตรีคลัง จะรับตำแหน่งผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ ถือเป็นบุคคลที่ตลาดหุ้นทั่วโลกให้การยอมรับในความสามารถ
นายทิโมธี กีธเนอร์ เป็นผู้เชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจรุ่นใหม่ที่มีความสามารถโดดเด่นมากจากประวัติการทำงานในกระทรวงการคลังมาตลอดตั้งแต่จบการศึกษาและได้ผ่านการร่วมงานกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมาถึง 5 สมัย อีกทั้งดำรงตำแหน่งประธานเฟดสาขานิวยอร์ค ตลอดจนเป็นหนึ่งในคณะบริหารแผนกู้วิฤต 7 แสนล้านดอลลาร์ร่วมกับนายเฮนรี พอลสัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ คนก่อน และนายเบน เบอร์นันกี ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จึงเป็นความหวังที่จะเข้ามาพลิกฟื้นเศรษฐกิจโลกให้พ้นจากภาวะตกต่ำได้
ขณะที่การชุมนุมทางการเมืองในประเทศเริ่ม แม้จะยืดเยื้อ แต่ก็ไม่มีเหตุรุนแรง เพราะรัฐบาลพยายามที่จะใช้วิธีเดิมๆ ตีสองหน้า โดยใช้ภาพการประนีประนอมและหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า แต่งานใต้ดินกลับใช้กุลุ่มคนมีสีและอันธพาล ลอบทำร้ายประชาชนโดยตลอด ทำให้สถานการณ์ยังไม่สามารถแตกหักได้ นักลงทุนจึงลดน้ำหนักความสนใจลง และหันไปเก็งกำไรจากข่าวบวกในต่างประเทศ
สำหรับแนวโน้มในช่วงบ่าย ยังคงเคลื่อนไหวในแดนบวกได้ต่อเนื่อง ดัชนีแกว่งตัวในแดนบวกช่วง 1-2% จากบรรยากาศทางเศรษฐกิจในต่างประเทศที่ดีขึ้นหลังเปิดเผยทีมเศรษฐกิจสหรัฐฯฯ ที่เป็นที่น่าพึงพอใจ และการเร่งเข้าช่วยเหลือ Citigroup ลดแรงกดดันจากการล้มละลายของสถาบันการเงิน ในขณะที่ล่าสุด นายกอร์ดอน บราวน์ นายกรัฐมนตรีของอังกฤษ ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 25.6 พันล้านปอนด์ หรือประมาณ 38.8 พันล้านดอลลาร์ เป็นแผนระยะ 2 ปีเพื่อเยียวยาเศรษฐกิจที่เผชิญภาวะถดถอยครั้งแรกในรอบ 17 ปี น่าจะช่วยสนับสนุนจิตวิทยาการลงทุนให้ตลาดหุ้นยุโรปที่เปิดการซื้อขายบ่ายวันนี้ปรับขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ทางการเมืองและการชุมนุมที่กำลังตึงเครียด รวมไปถึงตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ซึ่งจะประกาศในคืนนี้ อาจจะกดดันให้ตลาดเกิดแรงเทขายทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน 400 จุดโดยจะมีการประกาศ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค และ ตัวเลข GDP สหรัฐฯ Q3/51 ที่อาจออกมาติดลบต่อเนื่อง กลยุทธ์การลงทุน แนะนำขาย โดยให้แนวต้าน 400 จุด และแนวรับ 383 จุด
ทั้งนี้ ดัชนีปิดตลาดภาคบ่ายที่ระดับ 391.85 จุด เพิ่มขึ้น 5.73 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +1.48% มูลค่าการซื้อขายรวม 7,425.04 ล้านบาท