“แลนดี้โฮม” แจงปี52 แบงก์เข้มปล่อยกู้ วัสดุก่อสร้างให้เครดิตสั้นลง กระทบความเชื่อมั่น เชื่อผู้บริโภคหนีรับเหมาก่อสร้างรายย่อยใช้บริการรับสร้างบ้านเพิ่มขึ้น ตั้งเป้าปีหน้าโต10-15% จากเป้าขายปี51กว่า500ล้านบาท พร้อมลุยจัดแคมเปญ LAND MEGA SALE2008 กระตุ้นยอดปลายปีเข้าเป้า500ล้านบาท ด้าน“มาสเตอร์แปลน” รับลูกค้าชะลอสร้างบ้าน10 เดือนยังตกเป้า หวังอานิสงน์ลูกค้าต่อเนื่อง“งานรับสร้างบ้าน” ดันยอดขายปลายปี เปิดแผนปี52 ดันโชว์รูมดักลูกค้าปั้นรายได้300 ล้านบาท
นายพิเชษฐ มณีรัตนะพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนดี้ โฮม (ประเทศไทย)จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มตลาดรับสร้างบ้านในปี52น่าจะแย่กว่าปีนี้เนื่องจากสถาบันการเงินจะเข้มในเรื่องของการปล่อยสินเชื่อ แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าอัตราการเติบโตของตลาดโดยรวมน่าจะยังดีอยู่ เนื่องจากกลุ่มผู้สร้างบ้านจะหันมาสร้างบ้านกับผู้ประกอบการรับสร้างบ้านมากขึ้น จากเดิมที่ผู้บริโภคจะใช้บริการสร้างบ้านกับกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เนื่องจากกังวลปัญหาการทิ้งงานของผู้รับเหมาก่อสร้างที่ขาดสภาพคล่อง และความไม่มั่นคงของบริษัทก่อสร้าง
สำหรับการแข่งขันในปีหน้านั้นผู้ประกอบการที่มีทุนจดทะเบียนสูง มีชื่อมีผลงานเป็นที่ยอมรับ และ มีสภาพคล่องที่ดีจะได้เปรียบผู้ประกอบการรายอื่นๆ นอกจากนี้หากมีเทคโนโลยีด้านการก่อสร้างจะยิ่งได้เปรียบมากโดยเฉพาะในเรื่องของการควบคุมต้นทุนการก่อสร้างและล่นระยะเวลาในการก่อสร้างได้เร็วขึ้น ทั้งนี้ ปัจจัยลบในปีหน้าจะมาจากการขาดความเชื่อมั่นและการเข้มปล่อยกู้ของสถาบันการเงิน ซึ่งจะทำให้บริษัทที่มีสภาพคล่องไม่ดีมีปัญหาในการสั่งซื้อวัสดุก่อสร้าง เนื่องจากผู้ประกอบการวัสดุก่อสร้างจะให้เครดิตหรือระยะเวลาในการจ่ายเงินค่าวัสดุที่สั้นลง
ทั้งนี้ แผนธุรกิจในปีหน้านั้น บริษัทจะเน้นในเรื่องการปรับรูปแบบสินค้า ให้มีความทันสมัย รูปลักษณ์โดดเด่น และมีคุณภาพเป็นหลัก ส่วนทางด้านการเงินนั้น บริษัทจะให้ความสำคัญด้านสภาพคล่องกระแสเงินสดเพื่อรองรับปัญหาการลดระยะเวลาให้เครดิตสั่งซื้อวัสดุก่อสร้าง และการประสานงานกับสถาบันการเงินในการช่วยเหลือเรื่องอัตราดอกเบี้ยของลูกค้า ส่วนด้านงานก่อสร้างจะเน้นการนำระบบก่อสร้างกึ่งสำเร็จรูปเพื่อเป็นการลดต้นทุนในการก่อสร้าง
โดยในปีหน้าบริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขายเติบโตจากปี51ประมาณ 10-15% ส่วนในปีนี้บริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขายรวม 500ล้านบาท ซึ่งในในช่วง3 ไตรมาสที่ผ่านบริษัทมียอดขายแล้ว 400ล้านบาท คาดว่าจะสามารถทำยอดขายได้ตามเป้าที่วางไว้ทั้งปี โดยในช่วงเดือนพ.ย.วันที่21-23 นี้บริษัทได้ใช้งบประมาณการตลาด 3-4 ล้านบาทในการจัดงาน LAND MEGA SALE2008 ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้บริษัทมียอดขายจากงานดังกล่าวประมาณ 100ล้านบาทและมีรายได้ตามเป้าที่วางไว้ทั้งปี
นายอนันต์กร อมรวาที กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสเตอร์แปลน 101 จำกัด กล่าวว่าสถานการณ์ตลาดรับสร้างบ้านปัจจุบันเริ่มชะลอตัวลง เช่นเดียวกับภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ตามเชื่อว่ามีดีมานด์ยังสามารถเติบโตไปได้อีก โดยการเข้าไปแชร์ส่วนแบ่งตลาดกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง แต่ในขณะเดียวกันการเข้าไปแย่งแชร์ดังกล่าวกลุ่มผู้ประกอบการรับสร้างบ้านเองก็ต้องมีความพร้อม ทั้งด้านสภาพคล่องและกำลังการผลิตด้วยจึงจะสามารถเดินหน้าทำตลาดและหาลูกค้าได้
ส่วนบริษัทรับสร้างบ้านหน้าใหม่ที่เข้ามาในตลาด ต้องฝ่าปัญหาและอุปสรรคค่อนอย่างหนักโดยเฉพาะด้านการแขส่งขัน ซึ่งแนวทางที่จะสามารถก็สามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการรายกลาง-ใหญ่ในตลาดต้องใช้ความพร้อมด้านกระแสเงินสด หรือสภาพคล่อง กลยุทธ์ด้านการตลาด ระยะเวลาในการสร้างชื่อ และความเชื่อมั่นกับลูกค้าซึ่งจะเสียเปรียบกลุ่มผู้ประกอบการรายเดิมในตลาด
สำหรับช่วง10เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯ มียอดขาย 210 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าที่วางไว้ 70ล้านบาท โดยบริษัทหวังว่าในช่วง 1 เดือนที่เหลือจะมีลูกค้าต่อเนื่องจากงานรับสร้างบ้าน2008 เข้ามาอีก ซึ่งจะช่วยให้ยอดขายของบริษัทเข้าเป้าที่วางไว้ทั้งปี280ล้านบาท
“ในงานรับสร้างบ้านที่ผ่านมามีลูกค้าเข้าติดต่อและอยู่ระหว่างการเจรจาอยู่กว่า10 ราย แบ่งเป็นลูกค้าสร้างบ้านระดับ 10 ล้านบาทขึ้นไป 70% และลูกค้าสร้างบ้าน 30 ล้านบาท 30% หากสามารถปิดการขายได้ จะทำให้ยอดขายที่วางไว้เข้าเป้าได้”
หน้าสำหรับแผนงานในปีหน้า บริษัทฯเน้นการเปิดโชว์รูม เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการสร้างบ้านและต้องการเห็นแบบบ้านเพื่อประกอบการตัดสินใจ ซึ่งขณะนี้กำลังดำเนินการก่อสร้างอยู่ และความคืบหน้าในการก่อสร้างล่าสุด ดำเนินการสร้างไปประมาณ 70% และคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการแก่ลูกค้าได้ในเดือนพ.ค.52
ทั้งนี้ ในส่วนของโชว์รูมที่จะให้บริการแก่ลูกค้านั้น จะเป็นตัวหลักในการผลักดันสามารถปิดการขาย เนื่องจากจุดเด่นของโชว์รูมแห่งนี้ ได้รวบรวมทุกอย่างไว้ในที่นี้ และมีออฟชั่นให้กับลูกค้าแบบครบวงจรโดยคาดว่าจะสามารถผลักดันให้บริษัทมียอดขายเติบโตได้10% หรือประมาณ300ล้านบาท
นายพิเชษฐ มณีรัตนะพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนดี้ โฮม (ประเทศไทย)จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มตลาดรับสร้างบ้านในปี52น่าจะแย่กว่าปีนี้เนื่องจากสถาบันการเงินจะเข้มในเรื่องของการปล่อยสินเชื่อ แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าอัตราการเติบโตของตลาดโดยรวมน่าจะยังดีอยู่ เนื่องจากกลุ่มผู้สร้างบ้านจะหันมาสร้างบ้านกับผู้ประกอบการรับสร้างบ้านมากขึ้น จากเดิมที่ผู้บริโภคจะใช้บริการสร้างบ้านกับกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เนื่องจากกังวลปัญหาการทิ้งงานของผู้รับเหมาก่อสร้างที่ขาดสภาพคล่อง และความไม่มั่นคงของบริษัทก่อสร้าง
สำหรับการแข่งขันในปีหน้านั้นผู้ประกอบการที่มีทุนจดทะเบียนสูง มีชื่อมีผลงานเป็นที่ยอมรับ และ มีสภาพคล่องที่ดีจะได้เปรียบผู้ประกอบการรายอื่นๆ นอกจากนี้หากมีเทคโนโลยีด้านการก่อสร้างจะยิ่งได้เปรียบมากโดยเฉพาะในเรื่องของการควบคุมต้นทุนการก่อสร้างและล่นระยะเวลาในการก่อสร้างได้เร็วขึ้น ทั้งนี้ ปัจจัยลบในปีหน้าจะมาจากการขาดความเชื่อมั่นและการเข้มปล่อยกู้ของสถาบันการเงิน ซึ่งจะทำให้บริษัทที่มีสภาพคล่องไม่ดีมีปัญหาในการสั่งซื้อวัสดุก่อสร้าง เนื่องจากผู้ประกอบการวัสดุก่อสร้างจะให้เครดิตหรือระยะเวลาในการจ่ายเงินค่าวัสดุที่สั้นลง
ทั้งนี้ แผนธุรกิจในปีหน้านั้น บริษัทจะเน้นในเรื่องการปรับรูปแบบสินค้า ให้มีความทันสมัย รูปลักษณ์โดดเด่น และมีคุณภาพเป็นหลัก ส่วนทางด้านการเงินนั้น บริษัทจะให้ความสำคัญด้านสภาพคล่องกระแสเงินสดเพื่อรองรับปัญหาการลดระยะเวลาให้เครดิตสั่งซื้อวัสดุก่อสร้าง และการประสานงานกับสถาบันการเงินในการช่วยเหลือเรื่องอัตราดอกเบี้ยของลูกค้า ส่วนด้านงานก่อสร้างจะเน้นการนำระบบก่อสร้างกึ่งสำเร็จรูปเพื่อเป็นการลดต้นทุนในการก่อสร้าง
โดยในปีหน้าบริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขายเติบโตจากปี51ประมาณ 10-15% ส่วนในปีนี้บริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขายรวม 500ล้านบาท ซึ่งในในช่วง3 ไตรมาสที่ผ่านบริษัทมียอดขายแล้ว 400ล้านบาท คาดว่าจะสามารถทำยอดขายได้ตามเป้าที่วางไว้ทั้งปี โดยในช่วงเดือนพ.ย.วันที่21-23 นี้บริษัทได้ใช้งบประมาณการตลาด 3-4 ล้านบาทในการจัดงาน LAND MEGA SALE2008 ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้บริษัทมียอดขายจากงานดังกล่าวประมาณ 100ล้านบาทและมีรายได้ตามเป้าที่วางไว้ทั้งปี
นายอนันต์กร อมรวาที กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสเตอร์แปลน 101 จำกัด กล่าวว่าสถานการณ์ตลาดรับสร้างบ้านปัจจุบันเริ่มชะลอตัวลง เช่นเดียวกับภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ตามเชื่อว่ามีดีมานด์ยังสามารถเติบโตไปได้อีก โดยการเข้าไปแชร์ส่วนแบ่งตลาดกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง แต่ในขณะเดียวกันการเข้าไปแย่งแชร์ดังกล่าวกลุ่มผู้ประกอบการรับสร้างบ้านเองก็ต้องมีความพร้อม ทั้งด้านสภาพคล่องและกำลังการผลิตด้วยจึงจะสามารถเดินหน้าทำตลาดและหาลูกค้าได้
ส่วนบริษัทรับสร้างบ้านหน้าใหม่ที่เข้ามาในตลาด ต้องฝ่าปัญหาและอุปสรรคค่อนอย่างหนักโดยเฉพาะด้านการแขส่งขัน ซึ่งแนวทางที่จะสามารถก็สามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการรายกลาง-ใหญ่ในตลาดต้องใช้ความพร้อมด้านกระแสเงินสด หรือสภาพคล่อง กลยุทธ์ด้านการตลาด ระยะเวลาในการสร้างชื่อ และความเชื่อมั่นกับลูกค้าซึ่งจะเสียเปรียบกลุ่มผู้ประกอบการรายเดิมในตลาด
สำหรับช่วง10เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯ มียอดขาย 210 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าที่วางไว้ 70ล้านบาท โดยบริษัทหวังว่าในช่วง 1 เดือนที่เหลือจะมีลูกค้าต่อเนื่องจากงานรับสร้างบ้าน2008 เข้ามาอีก ซึ่งจะช่วยให้ยอดขายของบริษัทเข้าเป้าที่วางไว้ทั้งปี280ล้านบาท
“ในงานรับสร้างบ้านที่ผ่านมามีลูกค้าเข้าติดต่อและอยู่ระหว่างการเจรจาอยู่กว่า10 ราย แบ่งเป็นลูกค้าสร้างบ้านระดับ 10 ล้านบาทขึ้นไป 70% และลูกค้าสร้างบ้าน 30 ล้านบาท 30% หากสามารถปิดการขายได้ จะทำให้ยอดขายที่วางไว้เข้าเป้าได้”
หน้าสำหรับแผนงานในปีหน้า บริษัทฯเน้นการเปิดโชว์รูม เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการสร้างบ้านและต้องการเห็นแบบบ้านเพื่อประกอบการตัดสินใจ ซึ่งขณะนี้กำลังดำเนินการก่อสร้างอยู่ และความคืบหน้าในการก่อสร้างล่าสุด ดำเนินการสร้างไปประมาณ 70% และคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการแก่ลูกค้าได้ในเดือนพ.ค.52
ทั้งนี้ ในส่วนของโชว์รูมที่จะให้บริการแก่ลูกค้านั้น จะเป็นตัวหลักในการผลักดันสามารถปิดการขาย เนื่องจากจุดเด่นของโชว์รูมแห่งนี้ ได้รวบรวมทุกอย่างไว้ในที่นี้ และมีออฟชั่นให้กับลูกค้าแบบครบวงจรโดยคาดว่าจะสามารถผลักดันให้บริษัทมียอดขายเติบโตได้10% หรือประมาณ300ล้านบาท