"ดั๊ก เดอโวส" ผู้คุมบังเหียนแอมเวย์ ลั่นแฮมเบอร์เกอร์ไครซิส ไม่สะเทือนแอมเวย์ในอเมริกา ยันยอดขายยังเดินหน้าเท่าปีก่อน แม้จะไม่หวือหวา มองเป็นโอกาส เตรียมแผนรีเฟรชแอมเวย์แดนลุงแซมต่อไป ส่วนไทย 9 เดือนที่ผ่านมาตามเป้า หวั่น 3 เดือนสุดท้ายหวั่นสถานการณ์รุนแรงขึ้น แต่เชื่อทั้งปีโต 15%
นายดั๊ก เดอโวส ประธาน บริษัท อัลติคอร์ อิงค์ และ แอมเวย์ คอร์ปอเรชั่น (บริษัทในเครือ) เปิดเผยว่า แฮมเบอร์เกอร์ไครซิส หรือวิกฤติทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ไม่ได้ส่งผลกระทบกับแอมเวย์ในอเมริกาแต่อย่างไร เพราะช่วง9เดือนที่ผ่านมา พบว่ายอดขายแอมเวย์ยังเป็นไปตามปกติ เช่นเดียวกับปีก่อนๆ ซึ่งปีที่ผ่านมาแอมเวย์สหรัฐมีรายได้ที่ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 20% ของรายได้แอมเวย์ทั่วโลกที่มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 7,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตไม่ต่ำกว่า 10%ทุกปี
"วิกฤติเศรษฐกิจสหรัฐ มองเป็นโอกาสของแอมเวย์ เพราะแอมเวย์ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ดังนั้นเราสามารถคิดและลงทุนได้อย่างรวดเร็วก่อนคู่แข่ง ซึ่งกว่าจะแก้ไขสถานการณ์หรือการลงทุนทำอะไรเพื่อให้ผ่านวิกฤตินี้ไปได้จะต้องผ่านขั้นตอนอนุมัติมากมาย
ขณะเดียวกันจากการที่คนเริ่มมีรายได้น้อยลง ก็จะมีคนมองหาธุรกิจขายตรงมากขึ้น เราจะมีบุคลากรเพิ่มขึ้น ซึ่งต่างก็ต้องการสร้างยอดขาย ดังนั้นการที่มีคนเพิ่มขึ้น รายได้ก็จะมากขึ้น เทียบกับจำนวนผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อลดลงแล้ว ทางบริษัทฯจึงยังคงมีรายได้ทรงตัว ถือว่าบาลานซ์กับสภาวะปัจจุบัน"
อย่างไรก็ตามแอมเวย์ในอเมริกา ยอดขายโดยปกติจะไม่ได้เติบโตอย่างหวือหวานักแต่ก็มีผลการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่หลังจากเกิดวิกฤติขึ้น ทางเครือบริษัท มีแผนที่จะรีเฟรชแบรนด์แอมเวย์ใหม่ รวมไปถึงกลุ่มประเทศที่เคยเปิดตลาดไปแล้วแต่เรื่องของรายได้ยังไม่เติบโตมากนัก อย่าง เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ซึ่งมูลค่าการรีเฟรชแบรนด์ครั้งนี้ ยังไม่สามารถบอกได้ชัดเจนว่าจะต้องใช้เท่าไหร่ แต่ที่ผ่านมาต่อปีมีงบเพื่อใช้ในส่วนดังกล่าวทั่วโลกไม่ต่ำกว่า 100ล้านเหรียญสหรัฐ
โดยแผนการฟื้นฟูครั้งนี้ อย่างต่ำจะต้องใช้เวลา3ปีเป็นอย่างน้อย และต้องให้เห็นผลตั้งแต่เริ่มดำเนินการ ต้องมีการวิจัยตลาดถึงความต้องการของผู้บริโภค เพื่อที่จะได้ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด และปิดจุดบอดที่มี ซึ่งไม่ได้รีเฟรชและรุกเพียงบายโปรดักส์เท่านั้น แต่จะต้องทำทั้งตลาด รวมไปถึงในส่วนของบุคลากร จะต้องมีการเทรนด์นิ่งมากยิ่งขึ้น ให้ความรู้ฝึกทักษะอยู่ตลอดเวลา
ปัจจุบัน 5 ประเทศที่มียอดขายแอมเวย์สูงสุดคือ 1. จีน 2. อเมริกา 3.ญี่ปุ่น 4.เกาหลี 5.รัสเซีย ขณะที่ไทยตกไปอยู่อันดับที่ 6 แต่ถ้าเทียบโอกาสและการเติบโตทางธุรกิจแล้ว ไทยเป็นประเทศเดียวในโลกที่มีศักยภาพสูงสุดของแอมเวย์
**แอมเวย์ไทย เชื่อสิ้นปีโตตามเป้า**
นายปรีชา ประกอบกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตัวเลข 9 เดือนที่ผ่านมา มองว่าจะเป็นไปตามเป้า หรือปีนี้ทั้งปีเชื่อมั่นว่าจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 11,000 ล้านบาท โดยแต่ละเดือนจะต้องมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามยังเหลือเวลาอีก 3 เดือนก่อนจะถึงสิ้นปี ซึ่งมอว่าเป็นระยะเวลาที่ไม่น่าไว้วางใจนัก ขณะที่ ณ วันนี้ การเมืองกำลังวุ่นวาย แต่ถ้าไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้ คิดว่าไตรมาสสุดท้ายนี้ ต่อเดือนน่าจะมีรายได้เฉลี่ย1,000 ล้านบาท หรือทั้งปีจะมีการเติบโตเฉลี่ย 15% เป็นอย่างน้อย ตามแผน 5 ปีหลังจากนี้ที่จะต้องมีรายได้เป็น2 เท่าจาก 10,000ล้านบาทในปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามจากปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้น ทางแอมเวย์จะยังคงเดินหน้าดำเนินธุรกิจต่อเนื่องตามแผนที่วางไว้ตั้งแต่ต้นปี ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมทางการตลาด การพัฒนาเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ขณะที่ผลิตภัณฑ์ของแอมเวย์ส่วนใหญ่ยังมียอดขายและการเติบโตที่ดีอยู่ เนื่องจากสินค้าส่วนใหญ่ของแอมเวย์เป็นสินค้ากลุ่มคอนซูเมอร์โปรดักส์ ผู้บริโภคจำเป็นต้องใช้
นายดั๊ก เดอโวส ประธาน บริษัท อัลติคอร์ อิงค์ และ แอมเวย์ คอร์ปอเรชั่น (บริษัทในเครือ) เปิดเผยว่า แฮมเบอร์เกอร์ไครซิส หรือวิกฤติทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ไม่ได้ส่งผลกระทบกับแอมเวย์ในอเมริกาแต่อย่างไร เพราะช่วง9เดือนที่ผ่านมา พบว่ายอดขายแอมเวย์ยังเป็นไปตามปกติ เช่นเดียวกับปีก่อนๆ ซึ่งปีที่ผ่านมาแอมเวย์สหรัฐมีรายได้ที่ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 20% ของรายได้แอมเวย์ทั่วโลกที่มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 7,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตไม่ต่ำกว่า 10%ทุกปี
"วิกฤติเศรษฐกิจสหรัฐ มองเป็นโอกาสของแอมเวย์ เพราะแอมเวย์ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ดังนั้นเราสามารถคิดและลงทุนได้อย่างรวดเร็วก่อนคู่แข่ง ซึ่งกว่าจะแก้ไขสถานการณ์หรือการลงทุนทำอะไรเพื่อให้ผ่านวิกฤตินี้ไปได้จะต้องผ่านขั้นตอนอนุมัติมากมาย
ขณะเดียวกันจากการที่คนเริ่มมีรายได้น้อยลง ก็จะมีคนมองหาธุรกิจขายตรงมากขึ้น เราจะมีบุคลากรเพิ่มขึ้น ซึ่งต่างก็ต้องการสร้างยอดขาย ดังนั้นการที่มีคนเพิ่มขึ้น รายได้ก็จะมากขึ้น เทียบกับจำนวนผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อลดลงแล้ว ทางบริษัทฯจึงยังคงมีรายได้ทรงตัว ถือว่าบาลานซ์กับสภาวะปัจจุบัน"
อย่างไรก็ตามแอมเวย์ในอเมริกา ยอดขายโดยปกติจะไม่ได้เติบโตอย่างหวือหวานักแต่ก็มีผลการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่หลังจากเกิดวิกฤติขึ้น ทางเครือบริษัท มีแผนที่จะรีเฟรชแบรนด์แอมเวย์ใหม่ รวมไปถึงกลุ่มประเทศที่เคยเปิดตลาดไปแล้วแต่เรื่องของรายได้ยังไม่เติบโตมากนัก อย่าง เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ซึ่งมูลค่าการรีเฟรชแบรนด์ครั้งนี้ ยังไม่สามารถบอกได้ชัดเจนว่าจะต้องใช้เท่าไหร่ แต่ที่ผ่านมาต่อปีมีงบเพื่อใช้ในส่วนดังกล่าวทั่วโลกไม่ต่ำกว่า 100ล้านเหรียญสหรัฐ
โดยแผนการฟื้นฟูครั้งนี้ อย่างต่ำจะต้องใช้เวลา3ปีเป็นอย่างน้อย และต้องให้เห็นผลตั้งแต่เริ่มดำเนินการ ต้องมีการวิจัยตลาดถึงความต้องการของผู้บริโภค เพื่อที่จะได้ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด และปิดจุดบอดที่มี ซึ่งไม่ได้รีเฟรชและรุกเพียงบายโปรดักส์เท่านั้น แต่จะต้องทำทั้งตลาด รวมไปถึงในส่วนของบุคลากร จะต้องมีการเทรนด์นิ่งมากยิ่งขึ้น ให้ความรู้ฝึกทักษะอยู่ตลอดเวลา
ปัจจุบัน 5 ประเทศที่มียอดขายแอมเวย์สูงสุดคือ 1. จีน 2. อเมริกา 3.ญี่ปุ่น 4.เกาหลี 5.รัสเซีย ขณะที่ไทยตกไปอยู่อันดับที่ 6 แต่ถ้าเทียบโอกาสและการเติบโตทางธุรกิจแล้ว ไทยเป็นประเทศเดียวในโลกที่มีศักยภาพสูงสุดของแอมเวย์
**แอมเวย์ไทย เชื่อสิ้นปีโตตามเป้า**
นายปรีชา ประกอบกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตัวเลข 9 เดือนที่ผ่านมา มองว่าจะเป็นไปตามเป้า หรือปีนี้ทั้งปีเชื่อมั่นว่าจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 11,000 ล้านบาท โดยแต่ละเดือนจะต้องมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามยังเหลือเวลาอีก 3 เดือนก่อนจะถึงสิ้นปี ซึ่งมอว่าเป็นระยะเวลาที่ไม่น่าไว้วางใจนัก ขณะที่ ณ วันนี้ การเมืองกำลังวุ่นวาย แต่ถ้าไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้ คิดว่าไตรมาสสุดท้ายนี้ ต่อเดือนน่าจะมีรายได้เฉลี่ย1,000 ล้านบาท หรือทั้งปีจะมีการเติบโตเฉลี่ย 15% เป็นอย่างน้อย ตามแผน 5 ปีหลังจากนี้ที่จะต้องมีรายได้เป็น2 เท่าจาก 10,000ล้านบาทในปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามจากปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้น ทางแอมเวย์จะยังคงเดินหน้าดำเนินธุรกิจต่อเนื่องตามแผนที่วางไว้ตั้งแต่ต้นปี ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมทางการตลาด การพัฒนาเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ขณะที่ผลิตภัณฑ์ของแอมเวย์ส่วนใหญ่ยังมียอดขายและการเติบโตที่ดีอยู่ เนื่องจากสินค้าส่วนใหญ่ของแอมเวย์เป็นสินค้ากลุ่มคอนซูเมอร์โปรดักส์ ผู้บริโภคจำเป็นต้องใช้