รมช.ระนองรักษ์ออกโรงโต้ หลังหนังสือร้องเรียนว่อนกระทรวงการคลังกล่าวหาแทรกแซงการโยกย้ายล้วงลูกผลประโยชน์งบประชาสัมพันธ์ 3 กรมฯ ที่รับผิดชอบ เจ้าตัวอ้างจำเป็นต้องมีการโปรโมตหน่วยงานในสังกัด พร้อมส่งไม้ต่อให้บริษัทที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์ยื่นประมูลตามขั้นตอนทางราชการ
รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง แจ้งว่า ได้มีหนังสือร้องเรียนส่งถึงนายกรัฐมนตรี รมว.คลัง อธิบดีทุกกรมในสังกัดกระทรวงการคลัง เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผู้ว่าการการตรวจเงินแผ่นดิน ผู้นำฝ่ายค้าน ประธานวุฒิสภา ประธานสภาผู้แทนราษฎร รวมถึงสื่อมวลชน เพื่อร้องเรียนถึงการก้าวก่ายหรือแทรกแซงการแต่งตั้งข้าราชการและการแสวงหาผลประโยชน์ของ รมช.คลังที่เป็นผู้หญิง ผ่านที่ปรึกษาคนหนึ่งซึ่งเป็นคนของสามี รมช.คลังคนดังกล่าว
ทั้งนี้ ยังมีการให้แต่ละหน่วยงานจัดทำแผนพัฒนาด้านการประชาสัมพันธ์ โดยให้หางบประมาณจัดทำไม่ต่ำกว่าหน่วยงานละ 15 ล้านบาท ซึ่งมีบริษัทต่างๆ ในสังกัดตัวเองเตรียมตัวรับงานไว้พร้อมแล้ว รวมถึงขู่เข็ญบังคับให้หาเงินทอดกฐินให้ได้ไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท เพื่อไปทอดในวัดที่ รมช.คลังคนนี้จะไปทอดกฐินในเขตพื้นที่หาเสียงของตนเอง นอกจากนี้ยังก้าวก่าย ติดตามงานในเชิงลึกเฉพาะเรื่องที่มีผลประโยชน์มากๆ เพื่อให้พวกตัวเองเข้าไปหาผลประโยชน์ และล่าสุดเตรียมส่งคนใกล้ชิดเข้าไปเป็นรองอธิบดีกรมธนารักษ์ ซึ่งเป็นหน่วยงานในกำกับ
ด้าน ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รมช.คลัง กล่าวชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า หน่วยงานที่ตนดูแลในกระทรวงการคลัง คือ กรมสรรพสามิต กรมธนารักษ์และกรมบัญชีกลาง ที่ผ่านมาทั้ง 3 กรมมีงบประชาสัมพันธ์จำนวนมากแต่ไม่ได้ใช้หรือสื่อต่อสาธารณะให้รับรู้ถึงหน้าที่ปฏิบัติ ตนจึงมีนโยบายปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแนวคิดให้ทั้งหมดได้มีพื้นที่ชี้แจงต่อสาธารณะถึงหน้าที่ที่ทำอยู่ จึงได้มอบหมายให้แต่ละกรมไปจัดทำแผนประชาสัมพันธ์โดยให้ว่าจ้างบริษัทเอกชนที่มีความชำนาญพิเศษดำเนินการ
ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะต้องเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมายที่ต้องเปิดประกวดราคา โดยกรมสรรพสามิตได้อนุมัติงบประมาณดังกล่าวประมาณ 40 กว่าล้านบาท และกรมธนารักษ์ 25 ล้านบาท ซึ่งถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับงานที่ปฏิบัติอยู่ ส่วนแผนจะออกมาเป็นแนวทางอย่างไร เมื่อไหร่ไม่ได้กำหนดชัด แต่อยากเห็นทันไตรมาส 1 ของปีงบประมาณ 2552
"นี่คือสิ่งที่อยากเห็นจากหน่วยงานที่กำกับ อยากให้ประชาชนรับรู้ว่าเราทำอะไรกันบ้าง ถือเป็นการปัดฝุ่นการประชาสัมพันธ์เดิมๆ ซึ่งสวนทางกับสิ่งที่ข้าราชการทำกันมาจึงเป็นปัญหาให้หลายคนไม่พอใจ ซึ่งเมื่อมีหนังสือร้องเรียนออกมาจึงไม่สนใจ ไร้สาระมาก เพราะถือว่าเราทำถูกต้องตามขั้นตอนกฎหมาย" ร.ต.หญิงระนองรักษ์กล่าว
ส่วนการบังคับให้หาเงินทอดกฐิน ยืนยันว่าไม่ได้บังคับแต่ประการใด เพียงแต่ได้บอกบุญไปกับข้าราชการ ใครจะทำหรือไม่แล้วแต่ศรัทธา ไม่มีปัญหา เพราะการหาเงินทำบุญเพียงแค่ตนบอกกลุ่มเพื่อนฝูงที่เป็นเจ้าของห้างร้านและบุคคลในจ.นครราชสีมาก็มีคนพร้อมจะร่วมทำบุญด้วยอยู่แล้ว
ขณะที่การแต่งตั้งบุคคลเพื่อไปรับตำแหน่งรองอธิบดีกรมธนารักษ์ ร.ต.หญิงระนองรักษ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนไม่เคยรู้จักกับคุณ ล มาก่อน แต่เมื่อเห็นว่าเธอมีความรู้ ความสามารถ อาวุโส มีคุณสมบัติพร้อม เป็นระดับ 9 และตำแหน่งตันที่สำนักงานเลขานุการรัฐมนตรี สำนักปลัดกระทรวงการคลัง ก็เห็นว่าเหมาะสมจึงแนะนำว่าควรไปก้าวหน้าในตำแหน่งดังกล่าว ดังนั้นตนจึงไม่คิดมากกับหนังสือร้องเรียนดังกล่าวเพราะชี้แจงได้ทุกประเด็น
รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง แจ้งว่า ได้มีหนังสือร้องเรียนส่งถึงนายกรัฐมนตรี รมว.คลัง อธิบดีทุกกรมในสังกัดกระทรวงการคลัง เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผู้ว่าการการตรวจเงินแผ่นดิน ผู้นำฝ่ายค้าน ประธานวุฒิสภา ประธานสภาผู้แทนราษฎร รวมถึงสื่อมวลชน เพื่อร้องเรียนถึงการก้าวก่ายหรือแทรกแซงการแต่งตั้งข้าราชการและการแสวงหาผลประโยชน์ของ รมช.คลังที่เป็นผู้หญิง ผ่านที่ปรึกษาคนหนึ่งซึ่งเป็นคนของสามี รมช.คลังคนดังกล่าว
ทั้งนี้ ยังมีการให้แต่ละหน่วยงานจัดทำแผนพัฒนาด้านการประชาสัมพันธ์ โดยให้หางบประมาณจัดทำไม่ต่ำกว่าหน่วยงานละ 15 ล้านบาท ซึ่งมีบริษัทต่างๆ ในสังกัดตัวเองเตรียมตัวรับงานไว้พร้อมแล้ว รวมถึงขู่เข็ญบังคับให้หาเงินทอดกฐินให้ได้ไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท เพื่อไปทอดในวัดที่ รมช.คลังคนนี้จะไปทอดกฐินในเขตพื้นที่หาเสียงของตนเอง นอกจากนี้ยังก้าวก่าย ติดตามงานในเชิงลึกเฉพาะเรื่องที่มีผลประโยชน์มากๆ เพื่อให้พวกตัวเองเข้าไปหาผลประโยชน์ และล่าสุดเตรียมส่งคนใกล้ชิดเข้าไปเป็นรองอธิบดีกรมธนารักษ์ ซึ่งเป็นหน่วยงานในกำกับ
ด้าน ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รมช.คลัง กล่าวชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า หน่วยงานที่ตนดูแลในกระทรวงการคลัง คือ กรมสรรพสามิต กรมธนารักษ์และกรมบัญชีกลาง ที่ผ่านมาทั้ง 3 กรมมีงบประชาสัมพันธ์จำนวนมากแต่ไม่ได้ใช้หรือสื่อต่อสาธารณะให้รับรู้ถึงหน้าที่ปฏิบัติ ตนจึงมีนโยบายปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแนวคิดให้ทั้งหมดได้มีพื้นที่ชี้แจงต่อสาธารณะถึงหน้าที่ที่ทำอยู่ จึงได้มอบหมายให้แต่ละกรมไปจัดทำแผนประชาสัมพันธ์โดยให้ว่าจ้างบริษัทเอกชนที่มีความชำนาญพิเศษดำเนินการ
ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะต้องเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมายที่ต้องเปิดประกวดราคา โดยกรมสรรพสามิตได้อนุมัติงบประมาณดังกล่าวประมาณ 40 กว่าล้านบาท และกรมธนารักษ์ 25 ล้านบาท ซึ่งถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับงานที่ปฏิบัติอยู่ ส่วนแผนจะออกมาเป็นแนวทางอย่างไร เมื่อไหร่ไม่ได้กำหนดชัด แต่อยากเห็นทันไตรมาส 1 ของปีงบประมาณ 2552
"นี่คือสิ่งที่อยากเห็นจากหน่วยงานที่กำกับ อยากให้ประชาชนรับรู้ว่าเราทำอะไรกันบ้าง ถือเป็นการปัดฝุ่นการประชาสัมพันธ์เดิมๆ ซึ่งสวนทางกับสิ่งที่ข้าราชการทำกันมาจึงเป็นปัญหาให้หลายคนไม่พอใจ ซึ่งเมื่อมีหนังสือร้องเรียนออกมาจึงไม่สนใจ ไร้สาระมาก เพราะถือว่าเราทำถูกต้องตามขั้นตอนกฎหมาย" ร.ต.หญิงระนองรักษ์กล่าว
ส่วนการบังคับให้หาเงินทอดกฐิน ยืนยันว่าไม่ได้บังคับแต่ประการใด เพียงแต่ได้บอกบุญไปกับข้าราชการ ใครจะทำหรือไม่แล้วแต่ศรัทธา ไม่มีปัญหา เพราะการหาเงินทำบุญเพียงแค่ตนบอกกลุ่มเพื่อนฝูงที่เป็นเจ้าของห้างร้านและบุคคลในจ.นครราชสีมาก็มีคนพร้อมจะร่วมทำบุญด้วยอยู่แล้ว
ขณะที่การแต่งตั้งบุคคลเพื่อไปรับตำแหน่งรองอธิบดีกรมธนารักษ์ ร.ต.หญิงระนองรักษ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนไม่เคยรู้จักกับคุณ ล มาก่อน แต่เมื่อเห็นว่าเธอมีความรู้ ความสามารถ อาวุโส มีคุณสมบัติพร้อม เป็นระดับ 9 และตำแหน่งตันที่สำนักงานเลขานุการรัฐมนตรี สำนักปลัดกระทรวงการคลัง ก็เห็นว่าเหมาะสมจึงแนะนำว่าควรไปก้าวหน้าในตำแหน่งดังกล่าว ดังนั้นตนจึงไม่คิดมากกับหนังสือร้องเรียนดังกล่าวเพราะชี้แจงได้ทุกประเด็น
