xs
xsm
sm
md
lg

ทัพมือตบใต้ “งานช้าง” เข้า!? ‘ชาย-โกวิท-ประชา-ไชยา’ร่วมงานหอค้าทั่วปท.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ -สิ้นเดือนนี้ “กองทัพมือตบใต้” งานเข้า แถมเป็น “งานช้าง” อีกต่างหาก !? เผยหอฯสงขลาส่งเทียบเชิญนายกฯ พ่วงด้วยอีก 3 รัฐมนตรี “สมชาย วงศ์สวัสดิ์-โกวิท วัฒนะ-ประชา พรหมนอก-ไชยา สะสมทรัพย์” ร่วมงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศที่หาดใหญ่ 28-30 พ.ย. วาดหวังบูมท่องเที่ยว การค้าและการลงทุน ให้เป็นที่เชิดหน้าชูตาและล้างภาพผลกระทบจากไฟใต้ เพราะจะมีผู้บริหารจากทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง กรรมการหอฯไทยและหอฯทุกจังหวัดทั่วประเทศ ผู้ว่าฯ รวมถึงนักธุรกิจทั้งในและนอกประเทศเข้าร่วมกว่า 3 พันคน ซึ่งคาดกันว่าจะมีเงินสะพัดหลายร้อยล้านบาท

“มือตบ” อาวุธนักรบพันธมิตรฯ ไม่น่าเชื่อจะทรงพลังมีอิทธิฤทธิ์สามารถทำให้ผู้บริหารระดับประเทศหวาดกลัว เสมือนอาวุธร้ายแรง ไม่ว่าจะไปไหนเมื่อไหร่เป็นต้องโดน

เร็วๆ นี้ จ.สงขลาจะมีงานใหญ่ สัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ซึ่งเตรียมงานกันมากว่า 2 ปีแล้ว และมีการส่งเทียบเชิญนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี พร้อมกับอีก 3 รัฐมนตรีว่าการฯ คือ พล.ต.อ. โกวิท วัฒนะ รมว.มหาดไทย พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.อุตสาหกรรม นายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.พาณิชย์ เข้าร่วม เนื่องจากรัฐบาลต้องมารับสมุดปกขาว ผลสรุปการประชุมหอการค้าทั่วประเทศ จึงนับเป็นงานใหญ่รอท้าทายนักรบมือตบทั่วภาคใต้เป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะหากแม้ไม่ออกมาแสดงพลังอะไรเลย ก็คงจะเสียชื่อพันธมิตรสงขลาเพื่อประชาธิปไตยแน่นอน

สงขลาถือหัวเมืองหลักทางเศรษฐกิจของภาคใต้ ขณะที่พันธมิตรสงขลาฯ ได้เริ่มสตาร์ทเครื่องเคลื่อนไหวการเมืองภาคประชาชน ณ ลานประวัติศาสตร์ สถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ มาตั้งแต่ 5 พฤษภาคม 2551 ซึ่งเกิดก่อนเวทีชุมนุมระลอกใหม่ของพันธมิตรฯส่วนกลางที่เริ่ม 25 พฤษภาคม และยังเป็นเวทีคู่ขนานที่แข็งแกร่งมาจนถึงทุกวันนี้ โดยมีรัศมีเกี่ยวร้อยเป็นเครือข่ายแผ่กว้างไปทั่วทั้งภูมิภาค ไล่เรียงได้ตั้งแต่ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ไล่ยาวไปจนถึงปลายด้ามขวานทั้ง 3 จังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งได้ประกาศชัดเจนไปแล้วว่า ภาคใต้เป็นพื้นที่ปลอดนักการเมืองในรัฐบาลทรราชทาสระบอบทักษิณ

ทุกครั้งที่มีการเคลื่อนไหว ขับไล่บุคคลสำคัญที่มีตำแหน่งทางการเมือง พันธมิตรสงขลาฯก็ได้แสดงพลังกันอย่างเหนียวแน่น สามารถเรียกรวมพลได้ภายในเวลาอันรวดเร็วพร้อมอาวุธ “มือตบ” ติดตัวมาด้วยทุกครั้งที่ออกมาร่วมกิจกรรม รวมถึงกระดาษขนาดต่างๆ เขียนข้อความต้อนรับแขกที่ไม่น่าพิศมัยผู้มาเยือน พร้อมเสียงโห่ร้อง ขับไล่ แสดงออกอย่างชัดเจนว่า คนใต้ไม่ต้องการร่วมสังฆกรรมกับรัฐบาลทรราช หรือแม้แต่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นองเลือด 7 ตุลาทมิฬ

เป็นเรื่องที่น่าแปลก เมื่อ “มือตบ” ถูกใช้งานอยู่ที่เวทีการชุมนุมของพันธมิตรฯ ทั้งที่สะพานมัฆวานฯและทำเนียบประชาชน ซึ่งเป็นสีสันให้ความสนุกสนาน แต่ในขณะเดียวกันก็กลับกลายเป็นอาวุธที่ทรงพลังทันทีหากใช้ต้อนรับ-ขับไล่นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีที่ไม่พึงประสงค์ ซึ่งก็เป็นมาตั้งแต่รัฐบาลนอมินี ที่นำโดย นายสมัคร สุนทรเวช มาจนถึงรัฐบาล “น้องเขยแม้ว” ซึ่งเป็นทายาททรราช ที่สืบเชื้อสายโดยตรงจาก นช.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีอาญาแผ่นดิน

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้วง 2 เดือนที่ผ่านมา นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีหลายคนมีภารกิจเดินทางลงมาพื้นที่ในภาคใต้ ซึ่งหากอยู่ในสภาวการณ์ปกติหรือคณะรัฐบาลชุดก่อนๆ การเดินทางต้องมีกำหนดการที่แน่นอน เพื่อความสะดวกของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย คณะต้อนรับ รวมไปถึงสื่อมวลชนแขนงต่างๆ แต่ปัจจุบันเมื่อนายกฯและรัฐมนตรีเดินทางมาในพื้นที่ภาคใต้ กลับไม่มีกำหนดการที่แน่นอน โดยจะใช้การประสานงานทางโทรศัพท์แบบที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้จนนาทีสุดท้าย
นักรบมือตบสงขลา ร่วมต้อนรับนาย มั่น พัธโณทัย รมว. ICT ที่ อ.นาทวี จ.สงขลา เมื่อ 31 ตุลาคม
ไม่น่าเชื่อเลยว่า “มือตบ” คือสาเหตุที่ทำให้ผู้บริหารประเทศไม่กล้าลงพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ เหล่านักรบมือตบที่คอยเฝ้าจับตาความเคลื่อนไหวของบรรดานักการเมืองอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว เมื่อทราบข่าวว่ารัฐมนตรีคนใดจะลงมาเยี่ยมเยียนในพื้นที่ ก็เตรียมตัวต้อนรับทันที ทั้งนายกรัฐมนตรีและคนในคณะรัฐมนตรีต่างกลัวพลังมือตบของพันธมิตรฯ จนบางคนถึงกับยกเลิกกำหนดการทั้งหมด เพราะไม่กล้าเผชิญหน้ากับนักรบมือตบ หรือบางคนต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ ซึ่งก็มีตัวอย่างให้เห็นประจักษ์แล้วจากหลายๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

อย่างเหตุการณ์เมื่อ 18 ตุลาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่ นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง ลงพื้นที่ปฏิบัติภารกิจใน จ.สงขลา แต่ต้องยกเลิกกำหนดการในช่วงบ่ายทั้งหมด โดยใช้แผนลับ-ลวง-พราง เพื่อหลบหนีกองทัพมือตบของพี่น้องพันธมิตรฯมาอย่างต่อเนื่อง ถึงขั้นยอมเลื่อนเที่ยวบินเดินทางมายังสนามบินหาดใหญ่ และยกเลิกนัดทานข้าวกับ ส.ส.กลุ่มหนึ่งในพื้นที่ที่บ้านพักส่วนตัวของ นายเจือ ราชสีห์ ส.ส.เขต 1 สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งยกเลิกการเป็นประธานทอดกฐินที่วัดประตูชัย อ.สิงหนคร จ.สงขลาด้วย

ต่อด้วย 28 ตุลาคม มวลชนพันธมิตรสุไหงโก-ลก พร้อมอาวุธมือตบได้มารวมตัวกันกว่า 1,000 คนรอบๆ โรงแรมเก็นติ้งใจกลางเมือง เพื่อมาแสดงพลังต้อนรับ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ หลังจากทราบว่านายกรัฐมนตรีได้เดินทางลงพื้นที่ชายแดนใต้ และมีกำหนดการแวะเข้าพื้นที่สุไหงโก-ลกด้วย ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวนายกรัฐมนตรีก็เลี่ยงการเดินทางโดยใช้เครื่องบินพาณิชย์มาลงที่สนามบินหาดใหญ่ เพราะคิดว่าต้องเจอนักรบมือตบสงขลาแน่ๆ จึงต้องเดินทางด้วยเครื่องบินของกองทัพบก ไปลงที่กองบิน 56 อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา ก่อนที่จะเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ไปประชุมที่ค่ายสิรินธร เขตรอยต่อ จ.ปัตตานีและ จ.ยะลา และรีบเผ่นกลับทันทีหลังจากเสร็จภารกิจ ทำให้นักรบมือตบสุไหงโก-ลกและสงขลาต้องรอเก้อ

จากนั้น 31 ตุลาคม ขณะที่ นายมั่น พัธโนทัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) เดินทางไปเป็นประธานในพิธีทอดกฐินที่วัดในวัง อ.นาทวี จ.สงขลา ได้มีประชาชนจำนวนมากพร้อม “มือตบ” และป้ายโปสเตอร์เดินทางไปแสดงการต้อนรับ-ขับไล่ในฐานะที่ร่วมรัฐบาลทรราช หลังจากที่นายมั่นเสร็จพิธีถวายผ้าพระกฐินแล้ว และกำลังเดินออกมาจากอุโบสถ ทำให้นายมั่นต้องเดินทางออกจากวัดมุ่งหน้าไปที่สนามบินหาดใหญ่ทันที เพื่อหลบเลี่ยงกองทัพมือตบพันธมิตรฯ

สำหรับ 28-30 พฤศจิกายนนี้ จ.สงขลากำลังจะมีงานใหญ่ระดับประเทศ โดยหอการค้าจังหวัดสงขลาได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพการสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 26 ประจำปี 2551 ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติเฉลิมพระเกียรติฯ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ นับเป็นโอกาสสำคัญยิ่งในด้านภาพลักษณ์ของพื้นที่
พันธมิตรฯ ภาคใต้ ประกาศชัดเจน ภาคใต้เป็นเขตปลอดรัฐบาลทรราช ขายชาติขายแผ่นดิน
ทั้งนี้ หอการค้าจังหวัดสงขลาได้ทุ่มงบประมาณกับการจัดงานครั้งนี้ไปเกือบ 7 ล้านบาท โดยได้ส่งเทียบเชิญนายกรัฐมนตรีพร้อมด้วย พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รมว.มหาดไทย พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.อุตสาหกรรมและ นายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.พาณิชย์ รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ผู้แทนจากส่วนราชการ นักธุรกิจและสื่อมวลชนทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ซึ่งรวมแล้วจะมีผู้เข้าร่วมกว่า 3,000 คน นับว่าเป็นกิจกรรมสำคัญที่หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี

ทว่า ขณะนี้ได้มีเสียงสะท้อนจากผู้มีส่วนร่วมในการจัดงาน โดยเฉพาะหัวเรือใหญ่อย่าง ดร.สุรชัย จิตภักดีบดินทร์ ประธานหอการค้าจังหวัดสงขลา อย่างหนาหูว่า หอการค้าได้เตรียมงานมา 2 ปี ซึ่งทุ่มเทกับงานนี้มาก ซึ่งหวังจะจัดให้ยิ่งใหญ่กว่าทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา ถ้าหากเกิดมีการประท้วงของกลุ่มพันธมิตรฯต่อคณะผู้บริหารประเทศขึ้น คงจะเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่เหมือนกัน ซึ่งก็ได้พยายามคุยกับพันธมิตรสงขลาฯแล้ว

“อยากขอวิงวอนไปยังพี่น้องพันธมิตรฯว่า ช่วง 3 วันที่นายกฯและรัฐมนตรีจะเดินทางมาร่วมงานหอการค้าฯ ขอให้หยุดกิจกรรมการต้อนรับดังกล่าว ซึ่งคิดว่าพันธมิตรฯส่วนใหญ่ก็เป็นชาวสงขลาคงจะไม่ทำให้ จ.สงขลา ต้องมาพบจุดจบด้วยฝีมือของท่าน” ดร.สุรชัยระบุและเสริมว่า

ตนเข้าใจความคิดความแตกต่างทางการเมืองที่กำลังเป็นอยู่ในขณะนี้ แต่ถ้าหากกลุ่มพันธมิตรฯจะประท้วงขับไล่รัฐบาลในวันที่จัดงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ สิ่งที่หอการค้า และ จ.สงขลาได้ทุ่มเทและเตรียมกันมาทั้งหมดจะพังลงไปภายในพริบตา เพราะฉะนั้นจึงอยากขอร้องให้ชาวสงขลาที่รักแผ่นดินเกิดทุกคน หยุดเรื่องการประท้วงไว้ก่อน เพราะมันจะมีผลต่อทั้งภาวะเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวและภาพลักษณ์ของพื้นที่ หรือหากจะมากันจริงๆ ให้เปลี่ยนจากใช้มือตบมาเป็นใช้สองมือที่มีอยู่ปรบมือต้อนรับแทนจะดีกว่า

อย่างไรก็ตาม พี่น้องมวลชนพันธมิตรสงขลาฯยังคงเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของนายกฯและบรรดารัฐมนตรีอย่างใกล้ชิด ตามคำปฏิญาณที่ลั่นวาจาไว้แล้วที่ว่า... “จะไม่ต้อนรับนักการเมืองในรัฐบาลทรราชมือเปื้อนเลือดอย่างเด็ดขาด”

คำวิงวอนจากประธานหอการค้าจังหวัดสงขลาจะเป็นผลหรือไม่ ขึ้นอยู่กับหอการค้าฯว่า มีศักยภาพเพียงพอที่จะทำให้นักรบมือตบชาวพันธมิตรฯยอมเก็บอาวุธได้หรือไม่ และที่สำคัญพลังมวลชนพันธมิตรฯภาคใต้จะยอมวางมือให้จริงละหรือ !?

ดังนี้แล้ว งานระดับชาติอย่างการสัมมนาหอการค้าจังหวัดทั่วประเทศระหว่าง 28-30 พฤศจิกายน ซึ่งจะมีขึ้นในหัวเมืองหลักของภาคใต้ที่หาดใหญ่ จึงถือเป็น “งานช้าง” ที่จะเป็นการพิสูจน์อีกคราครั้งว่า การจัดกิจกรรมเพื่อบูมเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การค้าและการลงทุน รวมถึงความต้องการคลี่คลายสถานการณ์ไฟใต้ให้มอดดับ ยังควรที่จะให้ดำเนินไปภายใต้กรอบคิด “การเมืองเก่า” อีกหรือไม่ หรือว่าควรต้องปรับเปลี่ยนให้สอดรับกับกรอบคิดของ “การเมืองใหม่” เหล่าพี่น้องผองพันธมิตรฯกำลังผลักดันให้เป็นจริง
กำลังโหลดความคิดเห็น