RATCH มั่นใจกำไรปีนี้โตได้ตามเป้าที่ 10% เตรียมจะลงนามสัญญาในโครงการโรงไฟฟ้าเซเปีย เซน้ำน้อยปลาย พ.ย.นี้กับ รัฐบาลของประเทศลาว คาดรายได้ปี 52-53 จะเติบโตปีละไม่ต่ำกว่า 5% ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าหงสา และโรงฟ้าน้ำงึม3 มีแนวโน้มชะลอตัว หลังภาวะเศรษฐกิจโลกไม่ดี
นายนพพล มิลินทางกูร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (RATCH) เปิดเผย ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ของปี 2551 บริษัทกำไรสุทธิ 2,075.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 560.69 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 270 % คาดว่าปีนี้จะมีกำไรตามเป้าที่ตั้งไว้ก่อนหน้านี้อยู่ที่ 10% โดยรอบ 9 เดือนที่ผ่านมาของปีนี้บริษัทมีกำไรเติบโตไปแล้วกว่า 6 %
โดยบริษัทฯ จะลงนามสัญญา Project Developement Agreement กับรัฐบาล สสป.ลาว ในโครงการโรงไฟฟ้าเซเปีย เซน้ำน้อยในปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยมีมูลค่าโครงการ 830 ล้านเหรียญสหรัฐฯ กำลังการผลิตติดตั้ง 390 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ประมาณปี 2559 ซึ่งเมื่อวันที่ 6 ส.ค. 2550 บริษัทฯได้ลงนามสัญญาร่วมพัฒนาโครงการกับ SK Engineering and Construction ผู้ลงทุนจากเกาหลี
" บริษัทลงทุนในโครงการที่มีศักยภาพทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยตั้งเป้าหมายหลักเพื่อผลิตและขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และปัจจุบันบริษัทมีเงินทุนหมุนเวียนประมาณ 8.5 พันล้านบาท อีกทั้งยังมีสิทธิการออกหุ้นกู้อีก 7.5 พันล้านบาท แต่ยังไม่แผนออกหุ้นกู้ในตอนนี้เนื่องจากยังไม่มีความจำเป็น " นายนพพล กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่ารายได้ในปี 2552-2553 น่าจะเติบโตอยู่ไม่ต่ำกว่า 5 % ต่อปี ภายหลังจากโรงไฟฟ้าราชบุรีพาวเวอร์ สามารถเดินเครื่องได้เต็มกำลังการผลิต จากช่วงปีที่ผ่านมาได้หยุดพักเครื่องในบางช่วง
นายนพพล กล่าวต่อว่า ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด 4,347 เมกะวัตต์ จากโรงไฟฟ้าราชบุรี และโรงไฟฟ้าไตรเอนเนอจี้ โรงไฟฟ้าราชบุรีพาวเวอร์ และโครงการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติเผาทิ้ง ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากการผลิตน้ำมันดิบ
สำหรับความคืบหน้าการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ-น้ำงึม 2 สามารถก่อสร้างได้แล้วเสร็จประมาณ 62% และคาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายปี 2553 รวมถึงเริ่มเดินเครื่องการผลิตไฟฟ้า (IOD)ได้ประมาณต้นปี 2554
อย่างไรก็ตาม โครงการโรงไฟฟ้าหงสา และโรงไฟฟ้าน้ำงึม 3 มีแนวโน้มจะชะลอตัว ออกไปเล็กน้อยจากแผนเดิม เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่ดี ตลอดจนอยู่ระหว่างการเจรจาในเรื่องค่าไฟฟ้ากับการไฟฟ้าผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และต้นทุนในการก่อสร้างโครงการดังกล่าวมีกำลังในการผลิตไฟฟ้าอยู่ที่ 661 เมกะวัตถ์ และมีมูลค่าโครงการ 3.9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
นอกจากนี้ บริษัทฯ กำลังศึกษาหาแหล่งถ่านหินอยู่ในประเทศอินโดนีเซีย บริเวณเกาะชวา เกาะสุมาตรา ซึ่งไม่สามารถระบุระยะเวลาในการศึกษาที่ชัดเจนได้ แต่เชื่อว่าจะเป็นโอกาสการเติบโตของบริษัท โดยจะศึกษาไปก่อน เพื่อรอโอกาสที่เหมาะสมในการเข้าไปลงทุน ส่วนราคาหุ้นที่ปรับลดลงนั้นมองว่าเป็นไปตามทิศทางเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ซึ่งปรับลดลงในทิศทางเดียวกันทั้งตลาด ถือเป็นเรื่องปกติ
นายนพพล มิลินทางกูร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (RATCH) เปิดเผย ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ของปี 2551 บริษัทกำไรสุทธิ 2,075.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 560.69 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 270 % คาดว่าปีนี้จะมีกำไรตามเป้าที่ตั้งไว้ก่อนหน้านี้อยู่ที่ 10% โดยรอบ 9 เดือนที่ผ่านมาของปีนี้บริษัทมีกำไรเติบโตไปแล้วกว่า 6 %
โดยบริษัทฯ จะลงนามสัญญา Project Developement Agreement กับรัฐบาล สสป.ลาว ในโครงการโรงไฟฟ้าเซเปีย เซน้ำน้อยในปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยมีมูลค่าโครงการ 830 ล้านเหรียญสหรัฐฯ กำลังการผลิตติดตั้ง 390 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ประมาณปี 2559 ซึ่งเมื่อวันที่ 6 ส.ค. 2550 บริษัทฯได้ลงนามสัญญาร่วมพัฒนาโครงการกับ SK Engineering and Construction ผู้ลงทุนจากเกาหลี
" บริษัทลงทุนในโครงการที่มีศักยภาพทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยตั้งเป้าหมายหลักเพื่อผลิตและขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และปัจจุบันบริษัทมีเงินทุนหมุนเวียนประมาณ 8.5 พันล้านบาท อีกทั้งยังมีสิทธิการออกหุ้นกู้อีก 7.5 พันล้านบาท แต่ยังไม่แผนออกหุ้นกู้ในตอนนี้เนื่องจากยังไม่มีความจำเป็น " นายนพพล กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่ารายได้ในปี 2552-2553 น่าจะเติบโตอยู่ไม่ต่ำกว่า 5 % ต่อปี ภายหลังจากโรงไฟฟ้าราชบุรีพาวเวอร์ สามารถเดินเครื่องได้เต็มกำลังการผลิต จากช่วงปีที่ผ่านมาได้หยุดพักเครื่องในบางช่วง
นายนพพล กล่าวต่อว่า ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด 4,347 เมกะวัตต์ จากโรงไฟฟ้าราชบุรี และโรงไฟฟ้าไตรเอนเนอจี้ โรงไฟฟ้าราชบุรีพาวเวอร์ และโครงการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติเผาทิ้ง ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากการผลิตน้ำมันดิบ
สำหรับความคืบหน้าการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ-น้ำงึม 2 สามารถก่อสร้างได้แล้วเสร็จประมาณ 62% และคาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายปี 2553 รวมถึงเริ่มเดินเครื่องการผลิตไฟฟ้า (IOD)ได้ประมาณต้นปี 2554
อย่างไรก็ตาม โครงการโรงไฟฟ้าหงสา และโรงไฟฟ้าน้ำงึม 3 มีแนวโน้มจะชะลอตัว ออกไปเล็กน้อยจากแผนเดิม เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่ดี ตลอดจนอยู่ระหว่างการเจรจาในเรื่องค่าไฟฟ้ากับการไฟฟ้าผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และต้นทุนในการก่อสร้างโครงการดังกล่าวมีกำลังในการผลิตไฟฟ้าอยู่ที่ 661 เมกะวัตถ์ และมีมูลค่าโครงการ 3.9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
นอกจากนี้ บริษัทฯ กำลังศึกษาหาแหล่งถ่านหินอยู่ในประเทศอินโดนีเซีย บริเวณเกาะชวา เกาะสุมาตรา ซึ่งไม่สามารถระบุระยะเวลาในการศึกษาที่ชัดเจนได้ แต่เชื่อว่าจะเป็นโอกาสการเติบโตของบริษัท โดยจะศึกษาไปก่อน เพื่อรอโอกาสที่เหมาะสมในการเข้าไปลงทุน ส่วนราคาหุ้นที่ปรับลดลงนั้นมองว่าเป็นไปตามทิศทางเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ซึ่งปรับลดลงในทิศทางเดียวกันทั้งตลาด ถือเป็นเรื่องปกติ