xs
xsm
sm
md
lg

ตลาดหุ้นดีดขึ้นยังไม่แข็งแกร่ง เตือนแรงขายทำกำไรลดความเสี่ยง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หุ้นไทยยังขึ้นได้ต่อเนื่อง ตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยมีแรงซื้อในหุ้นกลุ่มพลังงาน และธนาคารพาณิชย์ หนุนดัชนีปิดบวก 12 จุด เผยตลาดหุ้นเก็งกำไรหลังลงลึกการที่จะบวกแรงขึ้นก็ไม่แปลก ขณะที่นักลงทุนยังมองศก.ยังแย่อยู่ เมื่อกลับสู่ความเป็นจริงก็จะเริ่มขายต่อเพื่อลดความเสี่ยง ช่วงบ่ายอาจมี take profit เพราะกังวลเสาร์-อาทิตย์นี้ พร้อมระบุ ธ.กลางทั่วโลกหั่นดอกเบี้ย หนุนหุ้นคึกคักได้แค่ช่วงสั้น ภาพศก.จริงยังถดถอยยาว แนะนำขายทำกำไร แนวรับ 400 จุด

ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วันนี้ ( 31 ต.ค.) ดัชนีติดตลาดภาคเช้าที่ระดับ 420.36 จุด เพิ่มขึ้น 12.05 จุด เปลี่ยนแปลง +2.95% มูลค่าการซื้อขาย 8,558.46 ล้านบาท โดยพบว่าดัชนีค่อนข้างผันผวน โดยหลังเปิดตลาดมีแรงเทขายทำกำไรระยะสั้นออกมาอย่างต่อเนื่อง ดัชนีปรับตัวต่ำสุดที่ 402.64 จุด ก่อนที่จะมีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่องในกลุ่มพลังงานและธนาคารพาณิชย์ ดัชนีปรับตัวสูงสุดที่ 421.70 จุด ก่อนปิดตลาดที่ 420.36 จุด

นายกวี ชูกิจเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า เป็นการเก็งกำไรตามปกติหลังที่ตลาดหุ้นลงมาร่วม 50% การที่บวกแรงขึ้นไปก็ไม่แปลกเพราะอัดอั้นมานาน ราคาหุ้นก็ถูกพอควรและมีประเด็นให้เก็งกำไร เช่น เรื่องการลดดอกเบี้ย ซึ่งก็ไม่มีข่าวร้ายอะไรแล้วจากนี้ไปและจะมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐรอบใหม่จึงมีการเข้าไปเก็งกำไรกันรอบหนึ่ง และเฟดก็เข้ามาช่วยเหลือระดับหนึ่งแล้วเพราะฉะนั้นข่าวร้ายช่วงนี้ก็ไม่มีอะไรจึงมีการเก็งกำไรขึ้นมา

ถ้าจะรีบาวน์ขึ้นมาแรง 100 จุดก็เป็นไปได้ จากที่ทำ low 380 จุด อาจจะเห็น 480 จุดได้ในระยะสั้น แต่ไม่คิดว่าจะเป็นการปรับขึ้นในระยะยาว ยังมองว่าเมื่อถึงจุดหนึ่งขึ้นไประดับหนึ่งนักลงทุนก็อาจจะมองว่าเศรษฐกิจยังแย่อยู่ ยังไม่มีอะไรดีขึ้นก็จะกลับสู่ภาวะความเป็นจริงและจะเริ่มมีความกลัวความเสี่ยงมากขึ้นก็จะขายต่อ ส่วนแนวโน้มช่วงบ่ายเป็นไปได้ที่อาจจะถูก take profit เพราะทุกคนก็ยังกังวล เสาร์-อาทิตย์ จะเป็นอย่างไร

นายธวัชชัย อัศวพรไชย ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในช่วงเช้าที่ผ่านมา ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการที่นักลงทุนตอบรับข่าวมาตรการกระตุ้นการลงทุนต่างๆ ที่ภาครัฐพยายามขับเคลื่อนกันออกมา อาทิ การประกาศยกเว้นเกณฑ์การซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ สำหรับมาตรการห้ามผู้มีส่วนร่วมในการบริหารของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ซื้อขายหุ้นใน ตลท.ในระยะเวลาที่กำหนด (ไซเลนท์ พีเรียด) คือ ก่อนปิดงบการเงินสิ้นไตรมาส เป็นระยะเวลา 30 วัน และหลังปิดงบฯอีก 30 วัน เพื่อเปิดโอกาสให้ บจ. สามารถเข้าซื้อหุ้นคืนได้ในช่วงภาวะวิกฤตการเงิน ซึ่งถือเป็นการสนับสนุนให้มีแรงซื้อหุ้นกลับเข้ามาผลักดันดัชนีฯและจะช่วยพยุงไม่ให้ราคาหุ้นปรับลงแรงกว่าที่ผ่านมา

ประกอบกับกรณีที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยจาก 0.50% เป็น 0.30% วันนี้ซึ่งเป็นการลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี เพื่อบรรเทาผลกระทบจากวิกฤตการเงินโลก ได้ทำให้เกิดความคาดหวังว่าธนาคารแห่งประเทศไทยมีแนวโน้มที่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในประเทศลดลงและเป็นผลประโยชน์กับภาคธุรกิจการลงทุนโดยรวม

ส่วนภาวะการลงทุนในช่วงบ่าย เชื่อว่าดัชนีจะเริ่มอ่อนตัว และน่าจะเกิดแรงขายทำกำไรออกมา เพราะในภาพเศรษฐกิจที่แม้จริงยังไม่เห็นการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ โดยตัวเลขเศรษฐกิจทั่วโลกที่ยังย่ำแย่สะท้อนว่าภาวะตกต่ำทางเศรษฐกิจจะมีผลลุกลามยาวนานไปถึงปี 2552 ข่าวการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลกจึงน่าจะเป็นปัจจัยบวกในช่วงสั้นๆเท่านั้น

นอกจากนี้ การเมืองในประเทศที่มีความตึงเครียดสูงขึ้นทุกขณะ จากเหตุระบิดในกรุงเทพมหานครหลายจุด ซึ่งทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส และสถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยงต่อการแตกหักจะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ (1 พ.ย.) ที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการจะมีนัดชุมนุมใหญ่ที่ราชมังคลากีฬาสถาน ซึ่งเป็นการจัดรายการสัญจรในชื่อว่า "ความจริงวันนี้ ต้านรัฐประหาร" โดยได้มีการประกาศเชิญชวนประชาชนสวมเสื้อแดงมาร่วมงานเพื่อแสดงพลังในวันดังกล่าว ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะโทรศัพท์ทางไกล (โฟนอิน) มาร่วมรายการช่วง 20.00 น. โดยจะพูดถึงการต้านรัฐประหารชูการปกครองระบอบประชาธิปไตย ให้เกิอความหวั่นวิตกฝ่ายว่า อาจมีถ้อยคำหรือการแสดงความเห็นที่เร่งเร้าให้เกิดความแตกแยกมากว่าเดิมและเป็นชนวนสู่การปะทะของมวลชน

ตลาดฯ อาจมีแรงขายลดความเสี่ยงเพื่อรอประเมินสถานการณ์การชุมนุม โดยจะพิจารณาจากสถานที่ซึ่งใหญ่กว่าการชมนุมครั้งที่ผ่านมาที่เมืองทองธานี ซึ่งหากมีผู้มาเข้าร่วมชุมนุมหนาแน่นถึงขั้นเต็มสนามจะสะท้อนว่าการรวมตัวของมวลชนเข้มแข็ง และน่ากลัวมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่หากมีผู้มาร่วมชุมนุมไม่มากก็แสดงว่าแนวร่วมในการสนับสนุนไม่มากนักสถานการณ์จึงไม่น่าเป็นห่วง กลยุทธ์การลงทุน แนะนำขายทำกำไรแนวรับ 400 จุด แนวต้าน 420 จุด

ทั้งนี้ ดัชนีปิดตลาดช่วงบ่ายที่ระดับ 416.53 จุด เพิ่มขึ้น 8.22 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +2.01% มูลค่าการซื้อขาย 15,480 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น