ธอส.ทบทวนแผนปลายปีและปีหน้าเสนอประธานบอร์ดคนใหม่จ่อลดเป้าสินเชื่อปีหน้าลงเหลือ 6 หมื่นล้านรับวิกฤตการเงินโลกทรุดหนักส่งผลลามทั่วโลก ระบุวิกฤตปีหน้าจะรุนแรงมาก เตรียมเสนอข้อมูล “นริศ ชัยสูตร” ตัดสินใจว่าจะพา ธอส.ไปในทิศทางใด
นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการธนาคารวันที่ 28 ตุลาคม 2551 นี้ จะรายงานการทบทวนแผนการดำเนินงานต่อประธานคณะกรรมการและคณะกรรมการธนาคารชุดใหม่ที่มีนายนริศ ชัยสูตร ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง เป็นประธานได้รับทราบ เนื่องจากสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของธนาคารบ้างและคาดว่าในปีหน้าอาจมีความรุนแรงมากขึ้น
ทั้งนี้ ธนาคารจะปรับลดการขยายสินเชื่อในช่วงที่เหลือของปีนี้ลงจากเมื่อต้นปีที่ได้ประมาณการไว้ที่ 8-9 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าในช่วงปลายปีนี้แม้ว่าจะยังมีมาตรการให้สิทธิพิเศษทางภาษีแต่สภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดีและการแข่งขันของธนาคารพาณิชย์รุนแรงมากขึ้นจะทำให้ยอดสินเชื่อรวมของปีนี้ทั้งปีปิดที่ระดับ 7-8 หมื่นล้านบาทเท่านั้น สำหรับเป้าหมายในปีหน้าที่ผลกระทบจากวิกฤตสถาบันการเงินสหรัฐจะเริ่มส่งผลกระทบต่อประเทศไทยโดยตรงจึงเตรียมปรับประมาณการสินเชื่อไว้ที่ประมาณ 6 หมื่นล้านบาท
“ดัชนีชี้วัดหลายๆ ด้านเริ่มส่งสัญญาณเตือนผู้ประกอบการในประเทศให้รับมือกับวิกฤตที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะภาคการส่งออกที่ประเทศคู่ค้ามีปัญหาจะต้องลดต้นทุนลงและพนักงานก็จะได้รับผลกระทบโดยตรง ส่งผลให้เงินในกระเป๋าของผู้บริโภคลดลงด้วยและอาจเกิดปัญหาการชำระคืนเงินงวดขึ้นได้ ดังนั้นธนาคารจะคอยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที” นายขรรค์กล่าว
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังกล่าวว่า ในการแต่งตั้งนายนริศ เป็นประธานบอร์ดในครั้งนี้มีการตั้งข้อสังเกตว่าหลังจากที่เขาถูกดองในตำแหน่งผู้ตรวจราชการสมัยที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล เป็นรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เป็นผู้ดับฝันนายนริศที่จะไปนั่งตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) จนกระทั่งรัฐบาลชุดนี้เข้ามาโดยมีนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง เลขาธิการพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ที่มีนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ เป็นผู้กุมอำนาจในพรรคและเป็นเพื่อนร่วมรุ่นเซนต์คาเบรียลจึงได้ให้ตำแหน่งประธานบอร์ด ธอส.ปลอบใจที่พลาดตำแหน่งอธิบดี
ซึ่งการแต่งตั้งนายนริศ เป็นประธานบอร์ด ธอส.ในครั้งนี้ถือว่าเป็นการท้าทายกับวิกฤตที่กำลังขยายใหญ่โตมากขึ้นทุกวันทำให้คณะผู้บริหารต้องเตรียมรับมือและเสนอทางเลือกให้กับนายนริศ ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในการบริหารธนาคารหรือสถาบันการเงินมาก่อนได้รับทราบเพื่อไม่ให้มีความผิดพลาดเกิดขึ้น และแนวทางการเติบโตของสินเชื่อในปีหน้าคงไม่หวือหวานักจะเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไปปล่อยสินเชื่ออย่างพอดีและมีประสิทธิภาพ
นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการธนาคารวันที่ 28 ตุลาคม 2551 นี้ จะรายงานการทบทวนแผนการดำเนินงานต่อประธานคณะกรรมการและคณะกรรมการธนาคารชุดใหม่ที่มีนายนริศ ชัยสูตร ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง เป็นประธานได้รับทราบ เนื่องจากสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของธนาคารบ้างและคาดว่าในปีหน้าอาจมีความรุนแรงมากขึ้น
ทั้งนี้ ธนาคารจะปรับลดการขยายสินเชื่อในช่วงที่เหลือของปีนี้ลงจากเมื่อต้นปีที่ได้ประมาณการไว้ที่ 8-9 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าในช่วงปลายปีนี้แม้ว่าจะยังมีมาตรการให้สิทธิพิเศษทางภาษีแต่สภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดีและการแข่งขันของธนาคารพาณิชย์รุนแรงมากขึ้นจะทำให้ยอดสินเชื่อรวมของปีนี้ทั้งปีปิดที่ระดับ 7-8 หมื่นล้านบาทเท่านั้น สำหรับเป้าหมายในปีหน้าที่ผลกระทบจากวิกฤตสถาบันการเงินสหรัฐจะเริ่มส่งผลกระทบต่อประเทศไทยโดยตรงจึงเตรียมปรับประมาณการสินเชื่อไว้ที่ประมาณ 6 หมื่นล้านบาท
“ดัชนีชี้วัดหลายๆ ด้านเริ่มส่งสัญญาณเตือนผู้ประกอบการในประเทศให้รับมือกับวิกฤตที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะภาคการส่งออกที่ประเทศคู่ค้ามีปัญหาจะต้องลดต้นทุนลงและพนักงานก็จะได้รับผลกระทบโดยตรง ส่งผลให้เงินในกระเป๋าของผู้บริโภคลดลงด้วยและอาจเกิดปัญหาการชำระคืนเงินงวดขึ้นได้ ดังนั้นธนาคารจะคอยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที” นายขรรค์กล่าว
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังกล่าวว่า ในการแต่งตั้งนายนริศ เป็นประธานบอร์ดในครั้งนี้มีการตั้งข้อสังเกตว่าหลังจากที่เขาถูกดองในตำแหน่งผู้ตรวจราชการสมัยที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล เป็นรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เป็นผู้ดับฝันนายนริศที่จะไปนั่งตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) จนกระทั่งรัฐบาลชุดนี้เข้ามาโดยมีนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง เลขาธิการพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ที่มีนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ เป็นผู้กุมอำนาจในพรรคและเป็นเพื่อนร่วมรุ่นเซนต์คาเบรียลจึงได้ให้ตำแหน่งประธานบอร์ด ธอส.ปลอบใจที่พลาดตำแหน่งอธิบดี
ซึ่งการแต่งตั้งนายนริศ เป็นประธานบอร์ด ธอส.ในครั้งนี้ถือว่าเป็นการท้าทายกับวิกฤตที่กำลังขยายใหญ่โตมากขึ้นทุกวันทำให้คณะผู้บริหารต้องเตรียมรับมือและเสนอทางเลือกให้กับนายนริศ ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในการบริหารธนาคารหรือสถาบันการเงินมาก่อนได้รับทราบเพื่อไม่ให้มีความผิดพลาดเกิดขึ้น และแนวทางการเติบโตของสินเชื่อในปีหน้าคงไม่หวือหวานักจะเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไปปล่อยสินเชื่ออย่างพอดีและมีประสิทธิภาพ