โผโยกย้ายกระทรวงการคลังปี 52 แนวโน้มต่ออายุ ”ศุภรัตน์ ควัฒน์กุล” หลังครบวาระ 4 ปี ขณะที่ “สถิตย์ ลิ่มพงษ์พันธุ์” เตรียมข้ามห้วยไปนั่งปลัดไอซีที จับตาตำแหน่งอธิบดีสรรพากรหลัง “ศานิต ร่างน้อย” เกษียณอายุ ฝ่ายการเมืองดัน “เบญจา หลุยเจริญ” ขึ้นแท่นปูนบำเหน็จข้าราชการสายการเมือง
รายงานข่าวจากกระทรวงการคลังแจ้งว่า ฤดูการโยกย้ายข้าราชการประจำปีและทดแทนตำแหน่งที่เกษียณอายุในเดือนตุลาคม 2551 ซึ่งกระทรวงการคลังจะมีตำแหน่งสำคัญว่างลงถึง 3 ตำแหน่งพร้อมกันคือ อธิบดีกรมสรรพากร อธิบดีกรมธนารักษ์ และผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เนื่องจากทั้ง 3 รายถึงวาระเกษียณอายุ อย่างไรก็ตามตำแหน่งสูงสุดของข้าราชการประจำคือปลัดกระทรวงการคลังนั้นเป็นที่จับตามองกันอย่างมาก เนื่องจากนายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลังได้อยู่ในตำแหน่งนี้มาถึง 4 ปีซึ่งถือว่าครบวาระการดำรงตำแหน่ง แต่ยังไม่เกษียณอายุ
ทั้งนี้ ตามระเบียบแล้วสามารถต่ออายุได้อีก 2 ครั้งครั้งละ 1 ปี โดยหลายฝ่ายคาดว่านายศุภรัตน์จะยังคงรักษาเก้าอี้ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น แม้จะมีแรงฮึดจากฝ่ายสนับสนุนนายสถิตย์ ลิ่มพงษ์พันธุ์ รองปลัดฯ ที่หวังว่าหากนายศุภรัตน์ต้องพ้นจากตำแหน่งเพราะคดีหวยบนดินก็อาจขึ้นมาแทนในตำแหน่งนี้ ซึ่งถ้าไม่เป็นไปตามที่คาดนายสถิตย์ก็จะข้ามห้วยไปเป็นปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) แทน
แหล่งข่าวกระทรวงการคลังมองตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพากรว่า บุคคลที่จะมาแทนนายศานิต ร่างน้อย ที่เกษียณอายุนั้น สถานการณ์ในขณะนี้คงไม่มีใครจะมาทาบรัศมีนางเบญจา หลุยเจริญ รองปลัดกระทรวงการคลัง ผู้สนิทสนมกับฝ่ายการเมืองในปัจจุบัน กรณีนางเบญจามีความชัดเจนว่าถึงยุคที่ข้าราชการที่ใกล้ชิดกับกลุ่มอำนาจเก่าได้รับการปูนบำเหน็จ เพราะนางเบญจา เพิ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นรองปลัดเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น ก็มีแนวโน้มสูงมากที่จะรับตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพากรคนต่อไป
ด้านกรมธนารักษ์ที่นางพันทิพย์ สุรทิณฑ์ ถึงวาระเกษียณอายุนั้นผู้ที่ได้รับการจับตามองมากที่สุดคือนายเทวัญ วิชิตะกุล ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นลูกหม้อเดิมของกรมธนารักษ์ และนายอำนวย ปรีมนวงศ์ รองอธิบดีกรมธนารักษ์อาจติดโผอธิบดีได้ นอกจากนั้นยังมีนายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) ที่เป็นคู่แข่งอีกราย
ในขณะที่ตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพสามิตนั้นคาดว่านางสิรินุช พิศลยบุตร จะยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิม สำหรับตำแหน่งอธิบดีกรมศุลกากรนั้น นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ แม้ว่าจะมีลุ้นมานั่งที่กรมสรรพากรแต่ก็ยังอยากทำงานที่กรมศุลกากรเช่นเดิม ยกเว้นจะมีการเลื่อยขาเก้าอี้ของคนในกระทรวง เนื่องจากนายอุทิศ ธรรมวาทิน รองปลัดกระทรวงการคลังก็ต้องการไปนั่งตำแหน่งอธิบดีกรมศุลกากรเช่นกัน
ส่วนตำแหน่งผู้อำนวยการ สศค. ที่นางพรรณี สถาวโรดม เกษียณอายุไปนั้น มีความเป็นไปได้ที่นายสมชัย สัจจพงษ์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง ลูกหม้อของสศค. อาจขึ้นมาแทนในตำแหน่งนี้ แต่มีการคาดการณ์ว่าทางการเมืองไม่ค่อยจะปลื้มนายสมชัยนัก อาจถูกโยกไปนั่งตำแหน่งผู้อำนวยการ สบน. รวมทั้งนายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ผู้อำนายการสำนักงานคฯกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.) ก็อาจถูกโยกย้ายเนื่องจากผลงานยังไม่เข้าตากรรมการ
ทั้งนี้ ในตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลังที่อาจว่างลงหากมีการสับเปลี่ยนตำแหน่งนั้น ผู้ที่มีความเป็นไปได้ที่จะขึ้นมาแทนคือนายวินัย วิทวัสการเวช ผู้ตรวจราชการที่เติบโตมาจากกรมสรรพากร และนายนริศ ชัยสูตร อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ถูกดองในตำแหน่งผู้ตรวจราชการกว่า 2 ปี นอกจากนี้ตำแหน่งผู้ตรวจราชการที่จะมีการแต่งตั้งเพิ่มเติมอาจมี นางเสาวนีย์ กมลบุตร ที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพ และนายสาธิต รังคสิริ รักษาการที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์ด้านการจัดเก็บภาษี กรมสรรพากร รวมทั้งที่ปรึกษาระดับ 10 จากกรมสรรพสามิตและกรมศุลกากรแทรกเข้ามา
“เป็นที่น่าสังเกตว่าตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการคลังในระยะหลังจะมีคนจากกรมสรรพากรเข้ามามากเนื่องจากโครงสร้างตำแหน่งของกรมสรรพากรมีตำแหน่งที่ปรึกษาระดับ 10 ถึง 4 ตำแหน่ง ทำให้การเติบโตในตำแหน่งได้เปรียบกรมอื่นซึ่งมีตำแหน่งที่ปรึกษาเพียงกรมละ 1 ตำแหน่งเท่านั้น และข้าราชการบางรายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีหุ้นชินที่คดียังไม่เสร็จสิ้นก็ได้ดิบได้ดี ทั้งๆ ที่กระทรวงการคลังควรตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงและวินัยกับข้าราชการเหล่านี้เพื่อสร้างภาพที่ดีของกระทรวงการคลังกลับคืนมา”
รายงานข่าวจากกระทรวงการคลังแจ้งว่า ฤดูการโยกย้ายข้าราชการประจำปีและทดแทนตำแหน่งที่เกษียณอายุในเดือนตุลาคม 2551 ซึ่งกระทรวงการคลังจะมีตำแหน่งสำคัญว่างลงถึง 3 ตำแหน่งพร้อมกันคือ อธิบดีกรมสรรพากร อธิบดีกรมธนารักษ์ และผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เนื่องจากทั้ง 3 รายถึงวาระเกษียณอายุ อย่างไรก็ตามตำแหน่งสูงสุดของข้าราชการประจำคือปลัดกระทรวงการคลังนั้นเป็นที่จับตามองกันอย่างมาก เนื่องจากนายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลังได้อยู่ในตำแหน่งนี้มาถึง 4 ปีซึ่งถือว่าครบวาระการดำรงตำแหน่ง แต่ยังไม่เกษียณอายุ
ทั้งนี้ ตามระเบียบแล้วสามารถต่ออายุได้อีก 2 ครั้งครั้งละ 1 ปี โดยหลายฝ่ายคาดว่านายศุภรัตน์จะยังคงรักษาเก้าอี้ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น แม้จะมีแรงฮึดจากฝ่ายสนับสนุนนายสถิตย์ ลิ่มพงษ์พันธุ์ รองปลัดฯ ที่หวังว่าหากนายศุภรัตน์ต้องพ้นจากตำแหน่งเพราะคดีหวยบนดินก็อาจขึ้นมาแทนในตำแหน่งนี้ ซึ่งถ้าไม่เป็นไปตามที่คาดนายสถิตย์ก็จะข้ามห้วยไปเป็นปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) แทน
แหล่งข่าวกระทรวงการคลังมองตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพากรว่า บุคคลที่จะมาแทนนายศานิต ร่างน้อย ที่เกษียณอายุนั้น สถานการณ์ในขณะนี้คงไม่มีใครจะมาทาบรัศมีนางเบญจา หลุยเจริญ รองปลัดกระทรวงการคลัง ผู้สนิทสนมกับฝ่ายการเมืองในปัจจุบัน กรณีนางเบญจามีความชัดเจนว่าถึงยุคที่ข้าราชการที่ใกล้ชิดกับกลุ่มอำนาจเก่าได้รับการปูนบำเหน็จ เพราะนางเบญจา เพิ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นรองปลัดเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น ก็มีแนวโน้มสูงมากที่จะรับตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพากรคนต่อไป
ด้านกรมธนารักษ์ที่นางพันทิพย์ สุรทิณฑ์ ถึงวาระเกษียณอายุนั้นผู้ที่ได้รับการจับตามองมากที่สุดคือนายเทวัญ วิชิตะกุล ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นลูกหม้อเดิมของกรมธนารักษ์ และนายอำนวย ปรีมนวงศ์ รองอธิบดีกรมธนารักษ์อาจติดโผอธิบดีได้ นอกจากนั้นยังมีนายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) ที่เป็นคู่แข่งอีกราย
ในขณะที่ตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพสามิตนั้นคาดว่านางสิรินุช พิศลยบุตร จะยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิม สำหรับตำแหน่งอธิบดีกรมศุลกากรนั้น นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ แม้ว่าจะมีลุ้นมานั่งที่กรมสรรพากรแต่ก็ยังอยากทำงานที่กรมศุลกากรเช่นเดิม ยกเว้นจะมีการเลื่อยขาเก้าอี้ของคนในกระทรวง เนื่องจากนายอุทิศ ธรรมวาทิน รองปลัดกระทรวงการคลังก็ต้องการไปนั่งตำแหน่งอธิบดีกรมศุลกากรเช่นกัน
ส่วนตำแหน่งผู้อำนวยการ สศค. ที่นางพรรณี สถาวโรดม เกษียณอายุไปนั้น มีความเป็นไปได้ที่นายสมชัย สัจจพงษ์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง ลูกหม้อของสศค. อาจขึ้นมาแทนในตำแหน่งนี้ แต่มีการคาดการณ์ว่าทางการเมืองไม่ค่อยจะปลื้มนายสมชัยนัก อาจถูกโยกไปนั่งตำแหน่งผู้อำนวยการ สบน. รวมทั้งนายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ผู้อำนายการสำนักงานคฯกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.) ก็อาจถูกโยกย้ายเนื่องจากผลงานยังไม่เข้าตากรรมการ
ทั้งนี้ ในตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลังที่อาจว่างลงหากมีการสับเปลี่ยนตำแหน่งนั้น ผู้ที่มีความเป็นไปได้ที่จะขึ้นมาแทนคือนายวินัย วิทวัสการเวช ผู้ตรวจราชการที่เติบโตมาจากกรมสรรพากร และนายนริศ ชัยสูตร อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ถูกดองในตำแหน่งผู้ตรวจราชการกว่า 2 ปี นอกจากนี้ตำแหน่งผู้ตรวจราชการที่จะมีการแต่งตั้งเพิ่มเติมอาจมี นางเสาวนีย์ กมลบุตร ที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพ และนายสาธิต รังคสิริ รักษาการที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์ด้านการจัดเก็บภาษี กรมสรรพากร รวมทั้งที่ปรึกษาระดับ 10 จากกรมสรรพสามิตและกรมศุลกากรแทรกเข้ามา
“เป็นที่น่าสังเกตว่าตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการคลังในระยะหลังจะมีคนจากกรมสรรพากรเข้ามามากเนื่องจากโครงสร้างตำแหน่งของกรมสรรพากรมีตำแหน่งที่ปรึกษาระดับ 10 ถึง 4 ตำแหน่ง ทำให้การเติบโตในตำแหน่งได้เปรียบกรมอื่นซึ่งมีตำแหน่งที่ปรึกษาเพียงกรมละ 1 ตำแหน่งเท่านั้น และข้าราชการบางรายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีหุ้นชินที่คดียังไม่เสร็จสิ้นก็ได้ดิบได้ดี ทั้งๆ ที่กระทรวงการคลังควรตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงและวินัยกับข้าราชการเหล่านี้เพื่อสร้างภาพที่ดีของกระทรวงการคลังกลับคืนมา”