xs
xsm
sm
md
lg

เรียกถกแบงก์รายตัวสู้วิกฤตโลก ธปท.ชี้ธนาคารใหญ่ยังปลอดภัย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แบงก์ชาติทยอยเรียกแบงก์พาณิชย์ถกละเอียดยิบ หวั่นติดเชื่อวิกฤแฮมเบอร์เกอร์ พร้อมร่วมประเมินสถานการณ์ ยันไม่มีปัญหาสภาพคล่อง การปล่อยกู้ยังปกติ เผยสาขาในเมืองนอกไม่ได้รับผลกระทบ ด้าน รมว.คลังมั่นใจเงินกองทุนแบงก์ยังมีเพียงพอรับมือวิกฤติการเงินโลกได้ ส่วนการดิ่งลงของตลาดหุ้นไม่จำเป็นต้องมีมาตรการเพิ่มอีก ปล่อยเป็นไปตามตลาดต่างประเทศ

กรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้นัดผู้บริหารธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 4 แห่ง ซึ่งประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ กรุงไทย ไทยพาณิชย์ และกสิกรไทย หารือเมื่อช่วงค่ำวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา นายสรสิทธิ์ สุนทรเกศ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า เป็นการหารือและประเมินสถานการณ์ร่วมกันระหว่าง ธปท.และธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ ภายใต้วิกฤตการเงินโลก โดยผู้บริหารธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่มองว่าตลาดการเงินยังไม่เห็นสัญญาณผิดปกติที่มีนัยสำคัญ และส่วนใหญ่อยู่ระหว่างติดตามสถานการณ์อยู่ จึงยังไม่มีแผนที่เตรียมรับมือหรือดูแลเรื่องใดเป็นพิเศษ

“เราพูดคุยกับนายแบงก์ขนาดใหญ่ก่อน ที่แยกกลุ่มเพราะสถาบันการเงินแต่ละแห่งมีปัญหาไม่เหมือนกัน ขณะเดียวกันแบงก์ใหญ่ก็มีสาขาธนาคารที่ไปตั้งในต่างชาติเยอะ จึงสอบถามว่าสาขาเหล่านั้นได้รับผลกระทบอะไรบ้าง ซึ่งก็ไม่มีแบงก์ใดที่ได้รับปัญหา” นายสรสิทธิ์กล่าวว่า ไม่มีการกำชับให้แบงก์ปล่อยสินเชื่อให้แก่ภาคธุรกิจ หรือดูแลสภาพคล่องเป็นพิเศษ และขณะนี้ ธปท.ยังไม่จำเป็นต้องออกมาตรการอะไรเพิ่มเติมเหมือนในหลายๆ ประเทศดำเนินการอยู่ในตอนนี้ เพราะระบบธนาคารพาณิชย์ยังไม่มีปัญหา แต่ยังคงมีความมั่นคงและสภาพคล่องยังมีเพียงพออยู่และมีการปล่อยสินเชื่อตามปกติ

ทั้งนี้ เมื่อวานนี้ (16 ต.ค.) ธปท.จะเชิญผู้บริหารธนาคารไทยขนาดกลาง จำนวน4 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ทหารไทย นครหลวงไทย ธนชาต มาหารือ และต่อมาในวันที่ 17 ต.ค. จะเชิญผู้บริหาร ธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็กจำนวน 6 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) ยูโอบี ทิสโก้ เกียรตินาคิน ไทยธนาคาร และสินเอเซีย ซึ่งจะใช้เวลาหารือตั้งแต่ช่วง 16.30-21.00 น.เช่นเดียวกับธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ เพื่อประเมินสถานการณ์และมุมมองของผู้บริหารโดยรวมในระบบธนาคารพาณิชย์ไทยต่อไป

ส่วนสาขาธนาคารต่างชาติที่มาเปิดให้บริการในประเทศไทย ซึ่งมีบริษัทแม่ในต่างประเทศได้รับผลกระทบจากปัญหาการเงินโลกนั้น นายสรสิทธิ์กล่าวว่า ในส่วนของธนาคารเอไอจีเพื่อรายย่อย (ธย.) ไม่ได้มีปัญหาอะไร โดยช่วงที่ผ่านมาหลังเกิดปัญหาภาคการเงินของสหรัฐในช่วงแรกมีผู้ฝากเงินรายใหญ่รายหนึ่งถอนเงินออกไปบ้าง เนื่องจากความไม่มั่นใจ แต่ตอนนี้สถานการณ์ทุกอย่างนิ่งแล้ว และพฤติกรรมผู้ฝากเงินยังในระดับทรงๆ ตัว ซึ่งปัจจุบันมียอดคงค้างเงินฝากประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท จึงไม่มีการถอนเงินผู้ฝากเงินรายใหญ่อย่างที่เป็นห่วงกันเหมือนในอดีต

ขณะที่การขายหุ้นธนาคารสินเอเซียที่ธนาคารกรุงเทพถืออยู่ในสัดส่วนประมาณ 19% ตามหลักเกณฑ์แผนมาสเตอร์แพลน ฉบับแรกที่กำหนดให้สถาบันการเงินไทยเลือกสถานะได้เพียง 1 รูปแบบเท่านั้น ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้านัก อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับธนาคารกรุงเทพ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นจะดำเนินการอย่างไรกับหุ้นที่ถืออยู่ รวมถึงรายละเอียดอื่นๆ ทั้งหากขายหุ้นให้แก่นักลงทุนต่างชาติทั้ง 19% ทำให้ต่างชาติถือหุ้นในสินเอเซียเกิน 49% ซึ่งมีความจำเป็นต้องขอกระทรวงการคลังต่อ รวมถึงการเลือกจังหวะเวลาในการขายหุ้นด้วย

ด้านนายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.คลัง ได้แถลงข่าวให้ความมั่นใจว่า เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS) ในระบบธนาคารพาณิชย์ของไทยในขณะนี้ ยังมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรับมือกับวิกฤติการเงินโลกได้ ขณะที่ปัญหาสินเชื่อของธนาคารกรุงเทพ (BBL)ในประเทศจีนนั้นเป็นเพียงความเสียหายในวงเล็กๆ ซึ่งไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อสถานะทางการเงินของ BBL มากนัก

***ไม่เพิ่มมาตรการแม้หุ้นยังร่วง

รมว.คลัง กล่าวว่า หากดัชนีฯ มีการปรับตัวลดลงอีกในวันข้างหน้า คิดว่าไม่จำเป็นต้องมีมาตรการใดๆ ออกมาพยุงหุ้น เพราะหลังจากที่มีการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ นายโอฬาร ไชยประวัติ ก็ได้มีมาตรการหลายอย่างที่เข้ามาช่วยเสริมเกี่ยวกับการปรับตัวลงของหุ้นไทยแล้ว และปัญหาที่ดัชนีฯ ปรับตัวลดลงคงต้องปล่อยให้เป็นไปตามทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นทั่วโลก เพราะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวได้ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลกเช่นกัน

***โอฬารชี้เวิลด์แบงก์ช่วยเรียกเชื่อมั่น

นายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการอนุมัติวงเงินจำนวน 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐของธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) เพื่อจัดตั้งกองทุนให้กับประเทศในแถบเอเชียว่า ถือเป็นการสร้างหลักประกันและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนในประเทศแถบเอเชียได้ ซึ่งในส่วนของประเทศไทยนั้น นักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้น ไม่ได้เทขายหุ้นในตลาดอย่างที่กังวลก่อนหน้านี้ ประกอบกับนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมให้นักลงทุนไทยเข้าซื้อขายหุ้นของบริษัทที่มีกำไร ชดเชยต่างประเทศทำให้มีเงินไหลออกในตลาดไม่มากนัก จึงมั่นใจว่าตลาดยังสามารถรับมือได้
กำลังโหลดความคิดเห็น