“สันติ”เร่งทอท.แก้ปัญหารถเข็น ขู่เลิกสัญญาหากยังจัดหารถไม่ครบตามสัญญา ป้องกรรมการตรวจการจ้างฯไม่ผิด ต้องแยกเรื่องค่าจ้างกับค่าปรับ ออกตัวรับรองวงเงินค่าจ้างสัญญาแท็กส์กว่า 500 ล้านบาทเหมาะสมแล้ว ยอมรับต้องเร่งสรรหา เอ็มดีทอท.คนใหม่โดยเร็ว ทอท. ดึงรถเข็นจากดอนเมืองเสริมช่วง High Season
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดเผยถึงกรณีปัญหารถเข็นกระเป๋าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไม่เพียงพอเนื่องจากถูกขโมยและชำรุดว่า ได้รับทราบว่าถึงสาเหตุแล้วและ ผู้บริหารบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท.เองก็รับทราบปัญหานี้มานานแล้วและได้แจ้งไปยัง บริษัท ไทย แอร์พอร์ต กราวด์ เซอรวิส จำกัด หรือ แท็กส์ ทั้งทางวาจาและหนังสือเพื่อให้แท็กส์เร่งดำเนินการจัดหารถเข็นกระเป๋าให้มีจำนวนตามที่สัญญากำหนด ซึ่งตนได้กำชับเป็นนโยบายกับทอท.ไปแล้วว่าให้เร่งแก้ปัญหาเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด
นายสันติกล่าวว่า หากแท็กส์ไม่สามารถจัดหารถเข็นกระเป๋าให้ครบตามจำนวนที่สัญญากำหนด ทอท.ต้องมีมาตรการอย่างใดอย่างหนึ่งออกมา เช่น ยกเลิกสัญญาหรือให้เปลี่ยนรถเข็นใหม่ ซึ่งขณะนี้ แท็กส์ถูกปรับอยู่ เพราะรถเข็นไม่ครบตามสัญญา และเรื่องนี้เป็นความรับผิดชอบของแท็กส์โดยตรง เพราะรถเข็นไม่ใช่ของทอท.แต่เป็นของแท็กส์ที่นำมาให้บริการตามสัญญา โดยทอท.เป็นผู้จ่ายค่าจ้าง เมื่อมีจำนวนไม่ครบแท็กส์กต้องรับผิดชอบ และหากต้องมีการประมูลใหม่ก็น่าจะไม่มีปัญหาเพราะทอท.มีรถเข็นที่สนามบินดอนเมือง ที่นำมาบริการแทนได้ในช่วงที่ประมูล
นายสันติกล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการตรวจการจ้างของทอท.ในสัญญาจ้างแท็กส์มีการตรวจรับงานและจ่ายค่าจ้างให้แท็กส์ทั้งที่ จำนวนรถเข็นไม่ครบว่า การจ่ายค่าจ้างกับค่าปรับเป็นคนละเรื่องกัน อย่านำมารวมกัน เมื่อแท็กส์ทำงานให้ก็ต้องจ่ายค่าจ้างไปตามสัญญาเป็นการดำเนินการตามสัญญาทางหนึ่ง แต่เมื่อจำนวนรถเข็นไม่ครบก็ต้องปรับซึ่งก็เป็นการดำเนินการตามสัญญาอีกทางหนึ่ง ไม่ใช่รถเข็นไม่ครบแล้วหักค่าจ้างเป็นค่าปรับ ทำแบบนั้นไม่ได้ และอย่าหาว่า คณะกรรมการฯผิดเพราะไม่ปรับ
“ผมเห็นว่าไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่อะไร บอร์ดทอท.จะต้องเป็นผู้พิจารณาว่าเรื่องนี้จะแก้ปัญหาอย่างไรจึงจะเหมาะสม ส่วนเรื่องค่าจ้างแท็กส์ ที่ทอท.จ่ายเป็ฯรายเดือนคำนวณแล้วก็อยู่ในอัตราที่เหมาะสมดีแล้ว เรื่องนี้อยู่ที่ใครจะหยิบประเด็นขึ้นมามากกว่า” นายสันติกล่าว
โดยแท็กส์ เป็นผู้ดำเนินการให้บริการรถเข็นกระเป๋าในสนามบินสุวรรณภูมิระยะเวลา 7 ปี เริ่มตั้งแต่ 28 ก.ย.2549 – 28 ก.ย.2556 ในวงเงินว่าจ้างทั้งสิ้น 532,860,600 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว)ซึ่งตามสัญญาบริษัทแท็กส์ต้องจัดการรถเข็นกระเป๋าจำนวน 9,034 คัน แบ่งเป็นรถเข็นกระเป๋าขนาดกลาง 7,000 คัน รถเข็นกระเป๋าขนาดเล็ก 2,000 คัน และรถเข็นกระเป๋าขนาดใหญ่ จำนวน 34 คันและต้องจัดให้มีเจ้าหน้าที่ในการให้บริการด้วย
นายสันติกล่าวว่า การสรรหากรรมการผู้อำนวยการใหญ่ทอท.คนใหม่นั้นตนเห็นว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนซึ่งคาดว่าหลังการแบ่งงานให้กับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมทั้งสองคนแล้ว รัฐมนตรีที่กำกับดูแลทอท. น่าจะมีการพิจารณาเรื่องนี้ โดยเบื้องต้นจะแบ่งงานด้านการขนส่งทางน้ำ คือ การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) บริษัทไทยเดินเรือทะเล และ กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี (ขน.) ให้นายวราวุธ ศิลปะอาชา รมช.คมนาคมจากพรรคชาติไทยดูแลเช่นเดียวกับที่ให้นายอนุรักษ์ จุรีมาศ ส่วนนายโสภณ ซารัมย์ก็จะได้กำกับดูแล ทอท. องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และกรมการขนส่งทางบก เช่นเดียวกับนายทรงศักดิ์ ทองศรี เช่นเดิม
*****ดึงรถเข็นจากดอนเมืองเสริมช่วง High Season
ด้านแหล่งข่าวจากทอท.กล่าวว่า แท็กส์ได้เจรจากับคณะกรรมการตรวจการจ้างของทอท.เบื้องต้นแล้วว่า จะจัดหารถเข็นกระเป๋าแบบใหม่เข้ามาทดแทนรถเข็นแบบเดิม โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินติดต่อกับผู้ผลิต อย่างไรก็ตามขณะนี้แม้จำนวนรถเข็นจะหายไปจำนวนมากโดยเหลือใช้งานเพียง 4,000-5,000 คัน จากทั้งหมด 9,000 คัน แต่ยังไม่กระทบกับการให้บริการ แต่หากเข่าสู่ช่วงฤดูท่องเที่ยว (High Season) ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ปลายเดือนต.ค.นี้ ก็อาจจะกระทบต่อการให้บริการได้
โดยวางแผนว่าจะนำรถเข็นกระเป๋าที่สนามบินดอนเมืองประมาณ 2,500 คันจากทั้งหมดที่มีกว่า 3,000 คันมาใช้ที่สนามบินสุวรรณภูมิในระหว่างรอการปรับเปลี่ยนรถเข็นใหม่จากแท็กส์ โดยแท็กส์จะต้องเจรจาเพื่อจ่ายค่าเช่ารถเข็นกระเป๋ากับสนามบินดอนเมือง
***ทอท.สอบหาคนผิดรถเข็นเหตุเอื้อประโยชน์แท็กส์
แหล่งข่าวจากทอท.กล่าวว่า การตั้งคณะกรรมการสอบคณะกรรมการตรวจการจ้าง อีกชั้นหนึ่งเนื่องจากมีการตรวจพบว่า ไม่มีการปรับแท็กส์กรณีที่มีรถเข็นไม่ครบตามสัญญา ซึ่งถือเป็นการเอื้อประโยชน์ให้เอกชน ซึ่งค่าปรับกรณีดังกล่าวจะต้องหัก ณ ที่จ่าย หรือหักออกจากค่าจ้างเพื่อนำมาเข้าทอท.ไว้ก่อน ซึ่งเป็นเรื่องปกติของการบริหารสัญญา และหากมีการยืนยันว่าไม่ผิด ทอท.ก็คืนค่าปรับให้ภายหลังได้
แหล่งข่าวกล่าวว่า แท็กส์จะอ้างกรณีรถเข็นถูกขโมยว่าไม่เกี่ยวกับแท็กส์ไม่ได้ เพราะถือว่าเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของแท็กส์ตามสัญญา เมื่อตรวจพบว่ารถเข็นไม่ครบแท็กส์จะต้องนำรถมาเสริมให้ครบ ซึ่งแท็กส์จะต้องมีรถเข็นสำรองไว้เผื่อ
“รถเข็นกระเป๋าแบบใหม่ที่แท็กส์จะนำเข้ามาแทนนั้น จะทำจากวัสดุอื่นที่มีขนาดเบากว่า สแตนเลส ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถเอาไปขายได้เหมือนรถแบบเดิม”
สำหรับปัญหารถเข็นกระเป๋านั้น ก่อนหน้านี้มีปัญหามาโดยตลอดนับตั้งแต่เปิดสนามบิน เช่น ใช้งานไม่สะดวกเพราะหนัก และมีความคมบริเวณรอยต่อทำให้ผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้ยังไม่มีแผ่นยางกันกระแทก ทำให้เกิดกรณีรถเข็นกระเป๋าชนประตูหมุนของสนามบินที่เป็นกระจกแตก ซึ่งได้มีการแก้ปัญหาโดยการไม่ใช้ประตูหมุน และมีแนวคิดที่จะเปลี่ยนประตูหมุนทั้งหมด เป็นแบบธรรมดา ทั้งที่สาเหตุของปัญหาจริงๆ คือรถเข็นกระเป๋า
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดเผยถึงกรณีปัญหารถเข็นกระเป๋าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไม่เพียงพอเนื่องจากถูกขโมยและชำรุดว่า ได้รับทราบว่าถึงสาเหตุแล้วและ ผู้บริหารบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท.เองก็รับทราบปัญหานี้มานานแล้วและได้แจ้งไปยัง บริษัท ไทย แอร์พอร์ต กราวด์ เซอรวิส จำกัด หรือ แท็กส์ ทั้งทางวาจาและหนังสือเพื่อให้แท็กส์เร่งดำเนินการจัดหารถเข็นกระเป๋าให้มีจำนวนตามที่สัญญากำหนด ซึ่งตนได้กำชับเป็นนโยบายกับทอท.ไปแล้วว่าให้เร่งแก้ปัญหาเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด
นายสันติกล่าวว่า หากแท็กส์ไม่สามารถจัดหารถเข็นกระเป๋าให้ครบตามจำนวนที่สัญญากำหนด ทอท.ต้องมีมาตรการอย่างใดอย่างหนึ่งออกมา เช่น ยกเลิกสัญญาหรือให้เปลี่ยนรถเข็นใหม่ ซึ่งขณะนี้ แท็กส์ถูกปรับอยู่ เพราะรถเข็นไม่ครบตามสัญญา และเรื่องนี้เป็นความรับผิดชอบของแท็กส์โดยตรง เพราะรถเข็นไม่ใช่ของทอท.แต่เป็นของแท็กส์ที่นำมาให้บริการตามสัญญา โดยทอท.เป็นผู้จ่ายค่าจ้าง เมื่อมีจำนวนไม่ครบแท็กส์กต้องรับผิดชอบ และหากต้องมีการประมูลใหม่ก็น่าจะไม่มีปัญหาเพราะทอท.มีรถเข็นที่สนามบินดอนเมือง ที่นำมาบริการแทนได้ในช่วงที่ประมูล
นายสันติกล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการตรวจการจ้างของทอท.ในสัญญาจ้างแท็กส์มีการตรวจรับงานและจ่ายค่าจ้างให้แท็กส์ทั้งที่ จำนวนรถเข็นไม่ครบว่า การจ่ายค่าจ้างกับค่าปรับเป็นคนละเรื่องกัน อย่านำมารวมกัน เมื่อแท็กส์ทำงานให้ก็ต้องจ่ายค่าจ้างไปตามสัญญาเป็นการดำเนินการตามสัญญาทางหนึ่ง แต่เมื่อจำนวนรถเข็นไม่ครบก็ต้องปรับซึ่งก็เป็นการดำเนินการตามสัญญาอีกทางหนึ่ง ไม่ใช่รถเข็นไม่ครบแล้วหักค่าจ้างเป็นค่าปรับ ทำแบบนั้นไม่ได้ และอย่าหาว่า คณะกรรมการฯผิดเพราะไม่ปรับ
“ผมเห็นว่าไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่อะไร บอร์ดทอท.จะต้องเป็นผู้พิจารณาว่าเรื่องนี้จะแก้ปัญหาอย่างไรจึงจะเหมาะสม ส่วนเรื่องค่าจ้างแท็กส์ ที่ทอท.จ่ายเป็ฯรายเดือนคำนวณแล้วก็อยู่ในอัตราที่เหมาะสมดีแล้ว เรื่องนี้อยู่ที่ใครจะหยิบประเด็นขึ้นมามากกว่า” นายสันติกล่าว
โดยแท็กส์ เป็นผู้ดำเนินการให้บริการรถเข็นกระเป๋าในสนามบินสุวรรณภูมิระยะเวลา 7 ปี เริ่มตั้งแต่ 28 ก.ย.2549 – 28 ก.ย.2556 ในวงเงินว่าจ้างทั้งสิ้น 532,860,600 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว)ซึ่งตามสัญญาบริษัทแท็กส์ต้องจัดการรถเข็นกระเป๋าจำนวน 9,034 คัน แบ่งเป็นรถเข็นกระเป๋าขนาดกลาง 7,000 คัน รถเข็นกระเป๋าขนาดเล็ก 2,000 คัน และรถเข็นกระเป๋าขนาดใหญ่ จำนวน 34 คันและต้องจัดให้มีเจ้าหน้าที่ในการให้บริการด้วย
นายสันติกล่าวว่า การสรรหากรรมการผู้อำนวยการใหญ่ทอท.คนใหม่นั้นตนเห็นว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนซึ่งคาดว่าหลังการแบ่งงานให้กับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมทั้งสองคนแล้ว รัฐมนตรีที่กำกับดูแลทอท. น่าจะมีการพิจารณาเรื่องนี้ โดยเบื้องต้นจะแบ่งงานด้านการขนส่งทางน้ำ คือ การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) บริษัทไทยเดินเรือทะเล และ กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี (ขน.) ให้นายวราวุธ ศิลปะอาชา รมช.คมนาคมจากพรรคชาติไทยดูแลเช่นเดียวกับที่ให้นายอนุรักษ์ จุรีมาศ ส่วนนายโสภณ ซารัมย์ก็จะได้กำกับดูแล ทอท. องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และกรมการขนส่งทางบก เช่นเดียวกับนายทรงศักดิ์ ทองศรี เช่นเดิม
*****ดึงรถเข็นจากดอนเมืองเสริมช่วง High Season
ด้านแหล่งข่าวจากทอท.กล่าวว่า แท็กส์ได้เจรจากับคณะกรรมการตรวจการจ้างของทอท.เบื้องต้นแล้วว่า จะจัดหารถเข็นกระเป๋าแบบใหม่เข้ามาทดแทนรถเข็นแบบเดิม โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินติดต่อกับผู้ผลิต อย่างไรก็ตามขณะนี้แม้จำนวนรถเข็นจะหายไปจำนวนมากโดยเหลือใช้งานเพียง 4,000-5,000 คัน จากทั้งหมด 9,000 คัน แต่ยังไม่กระทบกับการให้บริการ แต่หากเข่าสู่ช่วงฤดูท่องเที่ยว (High Season) ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ปลายเดือนต.ค.นี้ ก็อาจจะกระทบต่อการให้บริการได้
โดยวางแผนว่าจะนำรถเข็นกระเป๋าที่สนามบินดอนเมืองประมาณ 2,500 คันจากทั้งหมดที่มีกว่า 3,000 คันมาใช้ที่สนามบินสุวรรณภูมิในระหว่างรอการปรับเปลี่ยนรถเข็นใหม่จากแท็กส์ โดยแท็กส์จะต้องเจรจาเพื่อจ่ายค่าเช่ารถเข็นกระเป๋ากับสนามบินดอนเมือง
***ทอท.สอบหาคนผิดรถเข็นเหตุเอื้อประโยชน์แท็กส์
แหล่งข่าวจากทอท.กล่าวว่า การตั้งคณะกรรมการสอบคณะกรรมการตรวจการจ้าง อีกชั้นหนึ่งเนื่องจากมีการตรวจพบว่า ไม่มีการปรับแท็กส์กรณีที่มีรถเข็นไม่ครบตามสัญญา ซึ่งถือเป็นการเอื้อประโยชน์ให้เอกชน ซึ่งค่าปรับกรณีดังกล่าวจะต้องหัก ณ ที่จ่าย หรือหักออกจากค่าจ้างเพื่อนำมาเข้าทอท.ไว้ก่อน ซึ่งเป็นเรื่องปกติของการบริหารสัญญา และหากมีการยืนยันว่าไม่ผิด ทอท.ก็คืนค่าปรับให้ภายหลังได้
แหล่งข่าวกล่าวว่า แท็กส์จะอ้างกรณีรถเข็นถูกขโมยว่าไม่เกี่ยวกับแท็กส์ไม่ได้ เพราะถือว่าเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของแท็กส์ตามสัญญา เมื่อตรวจพบว่ารถเข็นไม่ครบแท็กส์จะต้องนำรถมาเสริมให้ครบ ซึ่งแท็กส์จะต้องมีรถเข็นสำรองไว้เผื่อ
“รถเข็นกระเป๋าแบบใหม่ที่แท็กส์จะนำเข้ามาแทนนั้น จะทำจากวัสดุอื่นที่มีขนาดเบากว่า สแตนเลส ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถเอาไปขายได้เหมือนรถแบบเดิม”
สำหรับปัญหารถเข็นกระเป๋านั้น ก่อนหน้านี้มีปัญหามาโดยตลอดนับตั้งแต่เปิดสนามบิน เช่น ใช้งานไม่สะดวกเพราะหนัก และมีความคมบริเวณรอยต่อทำให้ผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้ยังไม่มีแผ่นยางกันกระแทก ทำให้เกิดกรณีรถเข็นกระเป๋าชนประตูหมุนของสนามบินที่เป็นกระจกแตก ซึ่งได้มีการแก้ปัญหาโดยการไม่ใช้ประตูหมุน และมีแนวคิดที่จะเปลี่ยนประตูหมุนทั้งหมด เป็นแบบธรรมดา ทั้งที่สาเหตุของปัญหาจริงๆ คือรถเข็นกระเป๋า
