ตลาดหลักทรัพย์ชะลอแผนลงทุนต่างประเทศ เหตุเงินไม่พอ ผลจากนำเงินไปร่วมลงทุนตั้งแมทชิงฟันด์-ภาวะตลาดต่างประเทศผันผวน เสี่ยงสูง ชี้แม้ตลาดหุ้นร่วงแรงยังไม่ลงทุนเพิ่ม “นงราม” เผย พอร์ตลงทุน ณ ส.ค.ผลตอบแทนติดลบ 3.25% แต่ดีกว่าเบนซ์มาร์คที่ติดลบ 8%
นางนงราม วงษ์วานิช รองผู้จัดการสายงานบริหาร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า จากการที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวลดลงมากนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯยังไม่ได้เข้าไปซื้อหุ้นเพิ่ม จากที่มีการลงทุนอยู่จำนวน 32% ของพอร์ตรวม แต่จะลงทุนในลักษณะทางอ้อมโดยผ่านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แทนเป็นผลจากที่ตลาดหลักทรัพย์ได้ ร่วมกับ บลจ.เพื่อจัดตั้งกองทุนแมทชิงฟันด์ ซึ่งจะร่วมลงทุนในมูลค่า 2,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ เงินที่ตลาดหลักทรัพย์นำมาร่วมลงทุนนั้น มาจากการขายเงินลงทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ ที่ถืออยู่ในสัดส่วน 61% ของพอร์ตลงทุนทั้งหมดที่มีมูลค่า 10,252 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นลักษณะทยอยขาย หาก บลจ.มีการลงทุนตามเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนด โดยไม่ได้ขายลงทุนในตราสารหนี้ออกมาทั้งจำนวน และจากการที่บริษัทได้ร่วมลงททุนในกองทุนแมทชิงฟันด์นั้น ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ต้องชะลอแผนการลงทุนในต่างประเทศออกไป เนื่องจากไม่มีเม็ดเงินเพียงพอในการไปลงทุนต่างประเทศ
นอกจากนี้ จากปัญหาสถาบันการเงินในสหรัฐอเมริกานั้น ทำให้ยังไม่เหมาะกับการไปลงทุนในต่างประเทศ เนื่องจากที่มีความผันผวนสูง ซึ่งจะทำให้การลงทุนต่างประเทศมีความเสี่ยงสูงจากการลงทุนได้ ดังนั้นจึงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ฝ่ายจัดการต้องชะลอแผนเพื่อรอดูสถานการณ์ให้ชัดเจนก่อน
นางนงราม กล่าวว่า สำหรับก่อนหน้านี้บริษัทมีแผนจะไปลงทุนในต่างประเทศโดยจะใช้เงินลงทุนประมาณ 20% ของมูลค่าพอร์ตการลงทุนรวมของตลาดหลักทรัพย์ที่มี 11,000 ล้านบาท หรือประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยยอมรับว่า จากภาวะตลาดที่มีการปรับตัวลดลงนั้น จากปัจจัยต่างประเทศและปัจจัยในประเทศนั้น ส่งผลให้ผลตอบแทนการลงทุนของตลาดหลักทรัพย์ติด
สำหรับพอร์ตการลงทุน ณ เดือนสิงหาคม พบว่า มีมูลค่ารวม 10,252 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น สัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้61% ตราสารทุน32% อสังหาริมทรัพย์3% กองทุนเพื่อการลงทุนต่างประเทศ(FIF) 4% มีผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีจนถึงติดลบ -3.52% แต่ถือว่ายังคงสูงกว่าค่ามาตรฐาน(Benchmark) ที่ -8%
ทั้งนี้ จากการที่ตลาดหลักทรัพย์มีแผนที่จะเพิ่มการลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้มีการลงทุนเพิ่ม เพราะ ยังไม่มีผู้ออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์ใหม่ในช่วงที่ผ่านมา
นางนงราม วงษ์วานิช รองผู้จัดการสายงานบริหาร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า จากการที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวลดลงมากนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯยังไม่ได้เข้าไปซื้อหุ้นเพิ่ม จากที่มีการลงทุนอยู่จำนวน 32% ของพอร์ตรวม แต่จะลงทุนในลักษณะทางอ้อมโดยผ่านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แทนเป็นผลจากที่ตลาดหลักทรัพย์ได้ ร่วมกับ บลจ.เพื่อจัดตั้งกองทุนแมทชิงฟันด์ ซึ่งจะร่วมลงทุนในมูลค่า 2,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ เงินที่ตลาดหลักทรัพย์นำมาร่วมลงทุนนั้น มาจากการขายเงินลงทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ ที่ถืออยู่ในสัดส่วน 61% ของพอร์ตลงทุนทั้งหมดที่มีมูลค่า 10,252 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นลักษณะทยอยขาย หาก บลจ.มีการลงทุนตามเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนด โดยไม่ได้ขายลงทุนในตราสารหนี้ออกมาทั้งจำนวน และจากการที่บริษัทได้ร่วมลงททุนในกองทุนแมทชิงฟันด์นั้น ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ต้องชะลอแผนการลงทุนในต่างประเทศออกไป เนื่องจากไม่มีเม็ดเงินเพียงพอในการไปลงทุนต่างประเทศ
นอกจากนี้ จากปัญหาสถาบันการเงินในสหรัฐอเมริกานั้น ทำให้ยังไม่เหมาะกับการไปลงทุนในต่างประเทศ เนื่องจากที่มีความผันผวนสูง ซึ่งจะทำให้การลงทุนต่างประเทศมีความเสี่ยงสูงจากการลงทุนได้ ดังนั้นจึงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ฝ่ายจัดการต้องชะลอแผนเพื่อรอดูสถานการณ์ให้ชัดเจนก่อน
นางนงราม กล่าวว่า สำหรับก่อนหน้านี้บริษัทมีแผนจะไปลงทุนในต่างประเทศโดยจะใช้เงินลงทุนประมาณ 20% ของมูลค่าพอร์ตการลงทุนรวมของตลาดหลักทรัพย์ที่มี 11,000 ล้านบาท หรือประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยยอมรับว่า จากภาวะตลาดที่มีการปรับตัวลดลงนั้น จากปัจจัยต่างประเทศและปัจจัยในประเทศนั้น ส่งผลให้ผลตอบแทนการลงทุนของตลาดหลักทรัพย์ติด
สำหรับพอร์ตการลงทุน ณ เดือนสิงหาคม พบว่า มีมูลค่ารวม 10,252 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น สัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้61% ตราสารทุน32% อสังหาริมทรัพย์3% กองทุนเพื่อการลงทุนต่างประเทศ(FIF) 4% มีผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีจนถึงติดลบ -3.52% แต่ถือว่ายังคงสูงกว่าค่ามาตรฐาน(Benchmark) ที่ -8%
ทั้งนี้ จากการที่ตลาดหลักทรัพย์มีแผนที่จะเพิ่มการลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้มีการลงทุนเพิ่ม เพราะ ยังไม่มีผู้ออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์ใหม่ในช่วงที่ผ่านมา